นาง คริสตาลีนา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ให้สัมภาษณ์ รอยเตอร์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ยอมรับว่า หลังจากไอเอ็มเอฟประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวติดลบ 3 เปอร์เซ็นต์จากวิกฤตโควิดในปีนี้ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ข้อมูลใหม่จากทั่วโลกที่เข้ามายังไอเอ็มเอฟ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ย่ำแย่กว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้มาก ซึ่งจะยังผลให้การฟื้นตัวเต็มที่นั้นจำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าเดิม แม้ว่าจะยังไม่ขอกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนสำหรับการฟื้นตัวดังกล่าวก็ตาม
ในการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกรอบใหม่ที่กำหนดจะเผยแพร่ในเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าไอเอ็มเอฟจะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลงต่ำกว่า -3 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะปรับเปลี่ยนการประเมินการฟื้นตัวในปี 2021 ซึ่งเดิมคาดไว้ว่าจะปรับขึ้นสูงถึง 5.8 เปอร์เซ็นต์ด้วย
นางจอร์จีวาระบุว่า ไอเอ็มเอฟ เชื่อว่า ในช่วงของการฟื้นตัวจากวิกฤตจะเกิดความเสี่ยงหลายอย่างขึ้น ตั้งแต่ระดับหนี้ในปริมาณสูง, ระดับขาดดุลงบประมาณสูง, ภาวะว่างงาน, การล้มละลาย, ความยากจนที่ขยายตัวมากขึ้นเช่นเดียวกับความเหลื่อมล้ำ อย่างไรก็ตาม วิกฤตโควิดยังช่วยขยายเศรษฐกิจดิจิทัลและอี-เลิร์นนิง ช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้มีมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กิจการขนาดเล็กสามารถเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้นเช่นกัน
ไอเอ็มเอฟเตือนว่า หลังวิกฤตหลายประเทศอาจหันกลับไปสู่แนวทางกีดกันทางการค้ามากขึ้นซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้น เพราะโลกจำเป็นต้องรักษาการเปิดกว้างทางการค้าให้ไหลเวียนได้ดีเหมือนเช่นที่ผ่านมาโดยเฉพาะการค้าเวชภัณฑ์, อาหาร และหาทางแก้ปัญหาระยะยาวเพื่อไม่ให้เกิดขาดแคลนเหมือนในช่วงวิกฤต เพราะแนวทางนี้เคยสร้างความรุ่งเรืองให้กับโลกและทุกคนมาแล้ว
