เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ภาคธุรกิจต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 กันถ้วนหน้า ล่าสุด บริษัท Hertz ผู้ให้บริการรถเช่ารายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ที่มีสาขาให้บริการอยู่ทั่วโลก ได้ยื่นฟ้องล้มละลายในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ภายใต้มาตรา 11 แห่งกฎหมายล้มละลายของสหรัฐ ทั้งนี้เพื่อให้บริษัทสามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อไป จากการเปิดเผยของบริษัท Hertz ผ่านแถลงการณ์ออกเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมาระบุว่า เหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องการในการเดินทางทั่วโลกให้ลดลงอย่างรุนแรงในทันทีทันใด ซึ่งกระทบต่อผลกำไรของบริษัทให้ลดลงอย่างมากและมีผลต่อการจองรถเช่าของบริษัทในอนาคต เป็นผลให้ทางบริษัทต้องดำเนินการจัดการในทันทีโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งรวมถึงการตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งหมดลง ทว่าความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ ในขณะที่ยังไม่รู้ว่ารายได้ของบริษัทจะกลับมาเมื่อไร นั่นทำให้บริษัท Hertz จำเป็นต้องดำเนินการยื่นฟ้องล้มละลายภายใต้มาตรา 11 แห่งกฎหมายล้มละลายของสหรัฐ แต่การดำเนินกิจการของ Hertz ในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งรวมถึงในยุโรป ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จะไม่อยู่ในกระบวนการยื่นขอความคุ้มครองภายใต้หมวด 11 แห่งกฎหมายล้มละลายของสหรัฐแต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัท Hertz ได้ปลดพนักงานไปแล้ว 10,000 คนในอเมริกาเหนือ คิดเป็น 26.3 เปอร์เซ็นต์ของพนักงาน Hertz ทั่วโลก ไปตั้งแต่วันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อรักษาสภาพคล่องของบริษัทไว้ หลังจากมาตรการชัตดาวน์ของรัฐบาลชาติต่างๆเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ได้ส่งผลให้การเดินทางทั่วโลกเป็นอัมพาตและเศรษฐกิจโลกหยุดชะงัก
