สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงการค้าของสิงคโปร์เผยแพร่รายงานสภาวะเศรษฐกิจเตือนเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสิงคโปร์ในปีนี้อาจหดตัวลงไปอยู่ที่ -7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกอยู่ในสภาพเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ประกาศเอกราชเมื่อปี 1965 เรื่อยมาจากวิกฤตโควิด
การคาดการณ์ของกระทรวงการค้าดังกล่าวลดลงจากที่เคยประเมินไว้ว่าจีดีพีจะอยู่ที่ -4 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากตัวเลขของทางการแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจหดตัวลงมากถึง 0.7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงมากถึง 4.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
รายงานของกระทรวงการค้าระบุว่า การประเมินครั้งใหม่เกิดจากการทบทวนสภาพที่ย่ำแย่ลงอย่างมากของอุปสงค์โดยรวมจากภายนอกประเทศ บวกกับการประเมินความเสียหายจากการปิดกิจกรรมทางธุรกิจส่วนใหญ่ภายในประเทศ
การเผยแพร่รายงานคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจดังกล่าวมีขึ้นก่อนหน้าที่นาย เฮง สวี เกียต รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังสิงคโปร์กำหนดจะแถลงมาตรการพยุงเศรษฐกิจรอบใหม่ต่อรัฐสภา โดยจะเป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากชุดความช่วยเหลือ 60,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 42,000 ล้านดอลลาร์ที่จะดึงเงินมาจากทุนสำรองของประเทศมาใช้ซึ่งมีการประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้
ในขณะที่นาย ซ่ง เสงวุน นักเศรษฐศาสตร์ประจำซีไอเอ็มบี คาดการณ์ว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจสิงคโปร์จะทรุดตัวลงหนักที่สุด โดยคาดว่าในไตรมาสดังกล่าวจีดีพีจะติดลบระหว่าง 15-20 เปอร์เซ็นต์