สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปิดตลาดผสมผสานกันในการซื้อขายเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ ท่ามกลางการเทขายทำกำไรและความกังวลต่อความสัมพันธ์ระหว่าง สหรัฐอเมริกาและจีนที่ทรุดลงตามลำดับโดยเฉพาะส่วนที่สืบเนื่องจากปัญหาชุมนุมประท้วงในฮ่องกง ซึ่งลงเอยด้วยการปราบปราม สลายการชุมนุมอย่างรุนแรงในวันเดียวกันนี้
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตัวในแดนลบต่อเนื่องอีกวัน ท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนที่เกรงว่าการประท้วงอาจลุกลามกลายเป็นการจลาจลรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่หน้าร้อนปีที่แล้วเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ตลาดอื่นๆ โดยรวมยังคงสภาพขาขึ้นไว้ต่อเนื่อง หลังจากเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง แม้จะไม่มากเท่ากับตลาดวอลสตรีท ที่ปรับตัวขึ้นหลังจากเจมส์ บุลลาร์ด เจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง (เฟด) ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาน่าจะผ่านไตรมาสเลวร้ายที่สุดมาแล้ว ซึ่งส่งผลให้ดาวโจนส์ปิดบวกถึง 2.2 เปอร์เซ็นต์
ฮ่องกง ดัชนีหั่งเส็งปิดลดลง 0.4 เปอร์เซ็นต์, เซี่ยงไฮ้หายไป 0.3 เปอร์เซ็นต์ ซิดนีย์ ลด 0.1 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่มาเลเซีย ตลาดร่วงลงกว่า 1 เปอร์เซ็นต์จากสาเหตุที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ เช่นเดียวกับจาการ์ตาและสิงคโปร์ที่ปิดในแดนลบ
ส่วนที่โตเกียวดัชนีนิกเกอิ 225 ปรับขึ้น 0.7 เปอร์เซ็นต์ มุมไบ, มะนิลา, โซล, ไทเป, และเวลลิงตันปิดในแดนบวกทั้งสิ้น
ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกายังส่งผลต่อราคาน้ำมัน นอกจากนั้นยังมีปัจจัยลบจากข่าวรัสเซียเริ่มคลายความเข้มงวดในการปรับลดการผลิตลง ส่งผลให้น้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอ ลดลง 2.3 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 33.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 2.2 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 35.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล