หวั่น ‘โควิด’ ระบาดซ้ำ ทำหุ้นโลกร่วง น้ำมันลด

ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกพากันตกลงไปตามกัน ท่ามกลางความหวั่นวิตกเกี่ยวกับตัวเลขการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ว่าอาจส่งผลกระทบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผนวกกับความหวั่นกลัวหลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ออกมาเตือนว่า ต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้

ในสหรัฐ ตลาดหลักทรัพย์หลักทั้ง 3 ตลาดเผชิญกับวันที่เลวร้ายที่สุดในหลายสัปดาห์ และถือเป็นการลดลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ตกลงถึง 6.9% หรือลดลงมากกว่า 1,800 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 5.89% และดัชนีแนสแดกลดลง 5.27%

การปรับลดลงของตัวเลขในตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากตัวเลขปรับตัวดีขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้ตลาดหลักทรัพย์ฟื้นตัวขึ้นมาได้บางส่วนหลังตัวเลขตกลงอย่างหนักเมื่อเดือนมีนาคม ที่มีการใช้นโยบายล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

หุ้นในอุตสาหกรรมพลังงานและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนักที่สุด เช่นเดียวกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยราคาน้ำมันเวสต์เท็กซัสลดลง 1.02% มาอยู่ที่ 35.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันเบรนท์ทะเลเหนือลดลง 7.62% มาอยู่ที่ 38.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

Advertisement

ตลาดหลักทรัพย์ในยุโรปและเอเชียก็พากันปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษลดลงมาเกือบ 4% ขณะที่ดัชนี DAX ของเยอรมนีลดลง 4.47% ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสปิดลดลง 4.71% และดัชนี EURO STOXX 50 ปิดลดลง 4.53%

ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดหลักทรัพย์ของยุโรประบุว่า รัฐบาล บริษัทต่างๆ รวมถึงทุกคนต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระลอก 2 มากกว่าครั้งแรก เพราะปัญหาคือรัฐบาลมีข้อจำกัดในเม็ดเงินที่จะอัดฉีดเข้ามาเพื่อช่วยพยุงสถานการณ์

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ต้องจับตาตลาดหุ้นในเอเชียต่อไป หลังจากที่เมื่อหนึ่งวันก่อนหน้าหุ้นในเอเชียก็พากันปรับลดลงไปแล้ว เพราะตัวเลขการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของเฟดที่ทำให้นักลงทุนหมดความมั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง

ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียปิดลดลง 3.05% ขณะที่ดัชนีนิเคอิของญี่ปุ่นลดลง 2.82% เช่นเดียวกับดัชนีฮั่งเสงของฮ่องกงที่ปิดลบ 2.27% และดัชนีตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ที่ลดลง 0.78%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image