เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิตยสาร นิกเกอิ เอเชียน รีวิว เผยแพร่รายงานโดย ปีเตอร์ แจนเซน ระบุว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้จะไม่ได้รับความนิยมชมชอบจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ก็ได้รับการยอมรับนับถือในระดับหนึ่งจากบรรดานักธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจอยู่ในไทย
นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย ชี้ว่านายกรัฐมนตรีไทยเป็นคนตรงไปตรงมา ทุกครั้งที่เจอกันจะบอกว่า ไม่ต้องบ่นแต่ขอให้บอกมาดีกว่าว่าอยากให้ตนทำอะไร ทางหอการค้าฯจึงบอกว่าถ้าไม่มีการลงทุนในสาธารณูปโภค ก็จะไม่มีการลงทุนต่างชาติในไทย นายสแตนลีย์ คังเชื่อว่า ถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์ยังต้องการอยู่ในตำแหน่งก็ต้องแน่ใจว่ามีการลงทุนดังกล่าวเกิดขึ้นมา จะนั่งอยู่เฉยๆไม่ได้
ทางด้านนายดาร์เรน บัคลีย์ ผู้บริหารสูงสุดของ กลุ่มซิตี วาณิชธนกิจชื่อดังประจำไทย, ลาว,กัมพูชาและพม่า ให้เครดิตกับรัฐบาลชุดนี้ตรงที่มุ่งเน้นไปที่การดำเนินนโยบายต่างๆ แทนที่การดำเนินการทางการเมืองอย่างเดียว ซึ่งทำให้เอกชนและนักลงทุนต่างชาติรู้สึกดี มีความตระหนักสูงในอันที่จะทำให้การดำเนินธุรกิจในไทยง่ายขึ้นในสภาวะการแข่งขันที่มีสูงมากในภูมิภาค มีแรงจูงใจในการจัดตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคขึ้น การผ่อนคลายทางด้านวีซ่า และการให้ความสำคัญกับการแปรสภาพเศรษฐกิจไปสู่ระบบดิจิตอล เพิ่มมาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่นซึ่งล้วนแต่เป็นการดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้องแม้จะมีอีกหลายอย่างต้องทำก็ตา
ในรายงานยังระบุถึงความพยายามของไทยในการให้แรงจูงใจเชิงภาษีต่อ 10 กลุ่มอุตสาหกรรม ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และการที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบงบประมาณเบื้องต้นเพื่อโครงการด้านสาธารณูปโภค แม้นักธุรกิจบางคนยังเห็นว่า ไทยจำเป็นต้องพัฒนามูลค่าเพิ่มให้กับแรงงาน ซึ่งยังเป็นไปได้ยากภายใต้ระบบการศึกษาในเวลานี้ แต่ ดร.เชาวน์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการบริษัทศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยชี้ว่ารัฐบาลกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่เสริมด้วยว่า การลงทุนด้านสาธารณูปโภค และอีอีซีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องมีส่วนประกอบอื่นๆอาทิ คุณภาพแรงงาน, การศึกษาและขีดความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย
