โจเซฟ สติกลิตซ์ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาของคณะกรรมการที่รัฐบาลปานามาตั้งขึ้นหลังเจอข่าวอื้อฉาวกรณีปานามาเปเปอร์สที่เปิดเผยถึงการทำธุรกรรมของบริษัทมอสแซค ฟอนเซกา ที่มีการตั้งบริษัทการค้านอกประเทศเพื่อช่วยลูกค้าเลี่ยงภาษีจำนวนมาก
ทั้งนี้ รัฐบาลปานามาได้ตั้งคณะกรรมการดังกล่าวขึ้นเพื่อตรวจสอบแนวปฏิบัติในการทำธุรกรรมทางการเงินของประเทศปานามา ด้านสติกลิตซ์และนายมาร์ค พีธ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านการคอร์รัปชั่นของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งประกาศลาออกจากคณะกรรมการดังกล่าวพร้อมกันระบุว่า รัฐบาลปานามาพยายามจะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการ โดยสติกลิตซ์ได้บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “เดิมผมเข้าใจว่ารัฐบาลปานามาตั้งใจจริงแต่ปรากฏว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่พวกเขายังพยายามจะบ่อนทำลายการทำงานของเราด้วย”
ด้านกระทรวงต่างประเทศปานามาออกเอกสารชี้แจงระบุว่า รัฐบาลปานามาเข้าใจการลาออกของทั้งสองท่านดีและเห็นว่าเป็นเรื่องความเห็นต่างภายในคณะกรรมการ ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการหลายอย่างตามคำแนะนำเบื้องต้นของคณะกรรมการแล้ว และกำลังพิจารณาข้อเสนออื่นๆ อยู่ พร้อมกับยืนยันว่ารัฐบาลยังคงยึดมั่นใจความโปร่งใสและการร่วมมือกับนานาประเทศต่อไป อย่างไรก็ดี ไม่ได้มีการลงรายละเอียดชัดเจนถึงสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้วแต่อย่างใด
ในแถลงการณ์ร่วมของสติกลิตซ์และพีธ ทั้งสองได้แสดงความวิตกกังวลว่ารายงานสุดท้ายของคณะกรรมการอาจไม่ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ และว่าเราได้แต่อนุมานว่ารัฐบาลปานามากำลังถูกกดดันจากผู้ที่ได้ประโยชน์จากการที่ระบบธุรกรรมทางการเงินของปานามาไม่โปร่งใสเช่นในปัจจุบัน
ปานามาเปเปอร์สถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะครั้งแรกในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเปิดเผยการทำธุรกรรมให้กับลูกค้าของบริษัมอสแซค ฟอนเซกา ซึ่งในบรรดาลูกค้านั้นก็มีทั้งนักการเมือง เจ้าหน้าที่ อดีตผู้นำ ไปจนถึงคนดังและนักกีฬาชั้นนำของโลก ผ่านบริษัทข้ามชาติที่ตั้งขึ้นกว่า 200,000 บริษัทเพื่อเลี่ยงภาษีทั่วโลก แต่มอสแซค ฟอนเซกา ยืนยันว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวไม้ได้เป็นเรื่องผิดกฎหมายแต่อย่างใด
