วิจัยชี้ ไทยติดท็อป 10 ประเทศประชาธิปไตยถดถอย ชี้ชัดไทยยังเป็นเผด็จการ
งานวิจัยเรื่อง สถานะของโลกในปี 2019 เผด็จการเพิ่ม แรงต้านพุ่ง ( State of the world 2019: autocratization surges – resistance grows) โดยงานวิจัยดังกล่าวจัดทำโดย ทีมวิจัยคณะรัฐศาสตร์ สถาบัน V-Dem มหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน พบว่า สถานะของประชาธิปไตยในปี 2019 นั้นกำลังอยู่ในช่วงเวลาคลื่นระลอกที่ 3 ของเผด็จการ ซึ่งมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการสูญเสียประชาธิปไตยใน 8 ประเทศอย่างเช่นฮังการี อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสัญญาณบวกคือการเพิ่มจำนวนขึ้นของการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในปีเดียวกันนี้ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าประเทศไทยยังคงติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีประชาธิปไตยที่ถดถอย และยังคงถูกเรียกว่าประเทศที่มีความเป็นเผด็จการอยู่
งานวิจัยระบุว่า ปัจจุบันประชากรโลก 35 เปอร์เซ็นต์อาศัยในประเทศที่เป็นเผด็จการ หรือคิดเป็นประชากรถึง 2,600 ล้านคน มีจำนวน 26 ประเทศที่ประชาธิปไตยถดถอยในช่วง 2018-2019 เพิ่มขึ้นจาก 17 ประเทศในปี 2016 และ 24 ประเทศในปี 2017
อย่างไรก็ตามมีสัญญาณบวกที่พบว่ามีการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่เพิ่มมากขึ้นในปี 2019 ทั้งในประเทศประชาธิปไตย 29 ประเทศ และประเทศเผด็จการ 34 ประเทศ แม้ว่าการประท้วงจะต้องหยุดชะงักลงด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม
กราฟแสดงจำนวนประเทศประชาธิปไตยเทียบกับประเทศเผด็จการแยกตามภูมิภาค
งานวิจัยเปิดเผยรายชื่อประเทศที่มีประชาธิปไตยที่ถดถอยลง 10 อันดับแรกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยที่มีคะแนนลดลง โดยฮังการีและตุรกี เป็นอันดับ 1 ในแง่ของการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ยังพบว่าบราซิล อินเดีย โปแลนด์ และ แซมเบีย อยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศที่มีการปกครองแบบเผด็จการ ในตารางนี้ มี 8 ประเทศที่ยังคงเป็นประชาธิปไตย และ 3 ประเทศในตาราง เคยเป็นประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมในปีพ.ศ. 2552 แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นระบอบเผด็จการไปเสียแล้ว
นอกจากนี้ตารางยังคงจัดให้ระบอบการเมืองไทยเป็น “อัตตาธิปไตยแบบปิด” หรือ เป็น “เผด็จการที่เลือกจากกลุ่มคน” โดยประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่มีอัตราการถดถอยของประชาธิปไตยที่มากที่สุดในโลกด้วย
