สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า หุ้นของบริษัทพลังงานในเอเชียพุ่งขึ้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน ขณะที่สกุลเงินที่มีเสถียรภาพสูงแข็งค่าขึ้นหลังจากข้อตกลงอันน่าประหลาดใจขององค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (โอเปก) ที่ให้ลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันถีบตัวขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น เกือบ 6 เปอร์เซ็นต์
โอเปกประกาศข้อตกลงประวัติศาสตร์เมื่อคืนวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ที่นับเป็นการลดกำลังการผลิตเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ส่งผลให้หุ้นที่มีความเชื่อมโยงกับพลังงานมีราคาพุ่งสูงขึ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างดีดตัวขึ้นรับข่าวนี้ โดยดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่นปิดเพิ่มขึ้น 1.4 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีหั่งเส็งของฮ่องกง เพิ่มขึ้น 0.2 เปอร์เซ็นต์ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตของจีนปิดเพิ่มขึ้น 0.4 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่เมื่อวันก่อนหน้าดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ในตลาดหุ้นนิวยอร์กของสหรัฐปิดเพิ่มขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์ ด้านดัชนีเอฟทีเอสอี 100 ของอังกฤษปิดเพิ่มขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์
หลังการเจรจาเป็นเวลา 6 ชั่วโมง และช่วงเวลาหลายสัปดาห์ก่อนหน้านั้นในการต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ สมาชิก 14 ชาติของโอเปก เปิดเผยว่ามีแผนการที่จะลดกำลังการผลิตลง 750,000 บาร์เรล
ข่าวดังกล่าวถือเป็นความน่าประหลาดใจของผู้ที่ติดตามสถานการณ์ของตลาดที่คาดว่า องค์การที่มีความคิดเห็นแตกแยกจะไม่สามารถเห็นพ้องต้องกันได้
อย่างไรก็ตาม อิหร่าน ที่ปฏิเสธจะจำกัดกำลังการผลิตส่งผลให้การประชุมครั้งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายนล่ม จะไม่ร่วมในข้อตกลงลดกำลังการผลิตครั้งนี้ ที่นับเป็นการยินยอมถอยของซาอุดีอาระเบีย ชาติยักษ์ใหญ่ที่สุดของโอเปก