หุ้นมะกันยังแกว่ง หลัง ปธ.เฟดเผยแผนคุมเงินเฟ้อ คาดขึ้นดอกเบี้ย มี.ค.นี้

หุ้นมะกันยังแกว่ง หลัง ปธ.เฟดเผยแผนคุมเงินเฟ้อ คาดขึ้นดอกเบี้ย มี.ค.นี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะเริ่มต้นทำการปรับขึ้นอัตราภาษีในเดือนมีนาคมนี้เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อสูง ถือเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินที่มีการใช้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีเป้าหมายให้เกิดการจ้างงานและกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโต

พาวเวลกล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า ขณะนี้ภาวะเงินเฟ้อย่ำแย่ลงเล็กน้อยนับตั้งแต่การหารือของเฟดเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่การปรับขึ้นอัตราภาษีซึ่งถูกกดไว้ที่ 0 นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 จะช่วยป้องกันปัญหาราคาข้าวของที่เพิ่มสูงขึ้น

ประธานเฟดยืนยันว่า ธนาคารกลางสหรัฐสามารถบริหารจัดการกระบวนการเพื่อทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจรวมถึงอัตราการว่างงานต่ำยืดยาวออกไป และเขาคิดว่ามันมีช่องสำหรับการเพิ่มอัตราภาษีดอกเบี้ยโดยไม่ให้ส่งผลกระทบกับตลาดแรงงาน

พาวเวลกล่าวว่า การปรับเพิ่มอัตราภาษีจะทำให้ในระยะยาวแล้วการกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน รถ หรือการประกอบธุรกิจอาจมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่เฟดตั้งใจที่จะควบคุมการเติบโตของเศรษฐกิจ และลดระดับอัตราเงินเฟ้อซึ่งขณะนี้ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 40 ปีในสหรัฐ

Advertisement

พาวเวลกล่าวว่า สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ก็คือการให้การสนับสนุนการเติบโตของตลาดแรงงานต่อไป ซึ่งนั่นจะเป็นการส่งเสริมการขยายตัวระยะยาว และจะทำให้เกิดสิ่งนั้นได้จำเป็นที่จะต้องมีเสถียรภาพในด้านราคา

ประธานเฟดยืนยันว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแรงมากกว่าเมื่อครั้งที่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในช่วงปลายปี 2558-2561 ทำให้มีการตีความคำพูดของเขาว่าเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้

การเฝ้ารอการประกาศนโยบายล่าสุดของเฟดทำให้เกิดความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากนักลงทุนพากันหวั่นวิตกและไม่แน่ใจว่าเฟดจะปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยต่ำที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งช่วยประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาอย่างรวดเร็วและกว้างไกลเพียงใด

Advertisement

อย่างไรก็ดี เมื่อถูกถามถึงความเปราะบางของตลาดหุ้น พาวเวลเน้นย้ำว่าสิ่งที่เฟดให้ความสนใจเป็นหลักคือเศรษฐกิจที่แท้จริง แต่เขาเห็นว่าการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับตลาดทุนล่าสุดถือเป็นสัญญาณในทางบวก ทำให้เฟดรู้สึกว่าการสื่อสารกับผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์รวมถึงสาธารณะชนได้ผล

ในเดือนมกราคมนี้ ดัชนีหลักทรัพย์เอสแอนด์พี 500 ของสหรัฐตกลงเกือบ 10% ระหว่างเฝ้ารอการประกาศนโยบายใหม่ของเฟด ขณะที่ในวันที่ 26 มกราคม ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 0.1% หลังจากที่เพิ่มขึ้นไป 2.2% ก่อนหน้านั้น

ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 0.4% หลังแกว่งตัวมากกว่า 900 จุดจากที่ปรับขึ้นสูงสุดในวันเดียวกัน ด้านดัชนีแนสแด็คมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 3.4%

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรซึ่งรวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1.87% จาก 1.78% เมื่อวันที่ 25 มกราคม

เฟดออกแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมทางด้านนโยบายว่า เฟดคาดว่าใกล้จะถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยนักลงทุนคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบแรกน่าจะมีขึ้นในเดือนมีนาคม เฟดยังระบุด้วยว่าจะยุติการซื้อพันธบัตรรายเดือนซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในเดือนมีนาคมด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image