พิษวิกฤตยูเครน ทำราคาน้ำมันพุ่ง-รูเบิลรัสเซีย อ่อนค่า 30%
วิกฤตความขัดแย้งในยูเครนยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ขณะที่สกุลเงินรูเบิลรัสเซีย อ่อนค่าลงเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ทำสถิติต่ำที่สุดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผลจากการประกาศมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่ของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซีย เพื่อตอบโต้การเคลื่อนกำลังรุกรานยูเครน โดยเฉพาะการตัดสินใจตัดธนาคารรัสเซียออกจากระบบสมาคมโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก หรือ สวิฟต์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทต่างๆทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศเช่นรับชำระค่าพลังงานหรือสินค้าเกษตรที่ส่งออกไป หรือชำระสินค้านำเข้าต่างๆ ไม่ได้
รายงานระบุว่าหลังจากนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศให้กองกำลังนิวเคลียร์ของประเทศเฝ้าระวังระดับสูงสุด ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยเช่นพันธบัตร รวมไปถึงสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินเยนของญี่ปุ่นมีความต้องการมากขึ้น ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง
ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งโดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ พุ่งขึ้น 4.21 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 102.14 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส พุ่งสูงขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 96.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นเอเชียวันเดียวกันนี้โดยรวมยังคงมีความผันผวน โดยส่วนใหญ่เปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเพราะอานิสงค์จากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดบวกเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน โดยตลาดหุ้นนิคเคอิ225 ฟื้นตัวขึ้นมา 0.48 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปรับตัวขึ้น 0.64 เปอร์เซ็นต์ ส่วนดัชนีอ้างอิงเอ็มเอสซีไอของภูมิภาค ปรับตัวกลับมา 0.09 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะเวลา 10 ปีปรับตัวลง 6 จุดไปอยู่ที่ 1.92 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับพันธบัตรออสเตรเลีย ระยะเวลา 10 ปีที่ ปรับตัวลง 6 จุดไปอยู่ที่ 2.18 เปอร์เซ็นต์
ด้านสกุลเงินยูโร ปรับตัวลดลง 0.9 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ 1.1170 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 ยูโร ขณะที่สกุลเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนตัวลงอย่างหนักไปอยู่ที่ 119 รูเบิลต่อดอลลาร์
