ไบเดนสั่งปล่อยน้ำมันสำรองวันละ 1 ล้านบาร์เรล 6 เดือน น้ำมันร่วงทันที 6%
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐประกาศให้มีการปล่อยน้ำมันสำรองจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐวันละ 1 ล้านบาร์เรลติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อพยายามควบคุมราคาน้ำมันในประเทศที่พุ่งสูงขึ้น หลังสหรัฐและชาติพันธมิตรคว่ำบาตรรัสเซียจากการรุกรานยูเครน
ไบเดนยอมรับว่า เขาไม่ทราบว่าราคาน้ำมันเบนซินจะลดลงเท่าไหร่อันเป็นผลจากคำสั่งดังกล่าว เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือหากต้องการให้ราคาน้ำมันลดลง จำเป็นต้องมีน้ำมันออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่คาดว่าราคาน้ำมันเบนซินจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“นี่เป็นช่วงเวลาแห่งผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาและช่วงเวลาที่อันตรายต่อโลก และยังเป็นความเจ็บปวดสำหรับครอบครัวของชาวอเมริกันที่ปั๊มน้ำมัน”ไบเดนกล่าว
หลังคำประกาศดังกล่าวราคาน้ำมันดิบร่วงลงราว 6% มาซื้อขายที่ 101 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ดีในภาพรวมราคาน้ำมันก็เพิ่มสูงขึ้นจากประมาณ 60 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลในปีที่ผ่านมา ขณะที่อุปทานไม่สอดคล้องกับอุปสงค์ ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังโควิด-19 และปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง บวกกับความไม่แน่นอนใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านพลังงานในยุโรปอันเนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซีย
การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นจุดอ่อนสำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของไบเดน การสั่งปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองอาจสามารถลดราคาน้ำมันได้ชั่วคราว อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ไบเดนก็ได้สั่งปล่อยน้ำมันออกจากแหล่งพลังงานสำรองแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในราคาน้ำมันที่มีความหมายชัดเจนแต่อย่างใด
นักวิเคราะห์ด้านน้ำมันระบุว่า การปล่อยพลังงานสำรองครั้งนี้อาจช่วยบรรเทาราคาในระยะสั้นคล้ายกับการกินยาแก้ปวดหัว แต่ที่สุดแล้วประเด็นที่ตลาดให้ความสำคัญคือปัญหาพื้นฐานที่ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นว่ายังคงอยู่หรือไม่
ปัจจุบันการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดโลกยังต่ำกว่าช่วงก่อนหน้าที่การเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้ปริมาณน้ำมันไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามในยูเครน ที่ยิ่งซ้ำเติมให้ราคาน้ำมันโลกผันผวนหนักมากขึ้นตามมา