เงินดอลลาร์แข็งค่า ทำราคาน้ำมันโลกปรับลด ต่ำสุดรอบ 9 เดือน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ปรับลดลง 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันที่ 26 กันยายน ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 9 เดือน โดยมีผลมาจากการซื้อขายที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ขณะที่ผู้ซื้อยังคงรอข้อมูลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ซื้อขายล่วงหน้าสำหรับเดือนพฤศจิกายนปรับตัวลดลง 2.09 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.4% อยู่ที่ 84.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ร่วงต่ำกว่าระดับที่เคยลดน้อยที่สุดเมื่อวันที่ 14 มกราคม และเป็นทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งปรับลด 2.06 ดอลลาร์ หรือลดลง 2.3% อยู่ที่ 76.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม การลดลงของราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดใหญ่ดังกล่าวยังถือเป็นการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 9 เดือนอีกด้วย
ปัจจัยสำคัญมาจากการที่ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 20 ปี ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อความต้องการน้ำมันซึ่งใช้สกุลเงินดอลลาร์เป็นหลักในการซื้อขาย โดยบริษัทที่ดูแลข้อมูลทางด้านการเงินระบุว่า ผลกระทบของการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ต่อราคาน้ำมันแสดงให้เห็นชัดเจนที่สุดในรอบกว่า 1 ปี และเป็นเรื่องยากมากที่จะคาดหวังว่าราคาน้ำมันจะฟื้นตัวภายใต้สถานการณ์ที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นถึงระดับนี้
ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนก็ส่งผลถึงราคาน้ำมันในตลาดเช่นกัน โดยการคว่ำบาตรน้ำมันดิบรัสเซียของสหภาพยุโรปกำลังจะมีผลในเดือนธันวาคมนี้ บวกกับแผนที่บรรดาประเทศกลุ่มจี7 ได้มีการกำหนดเพดานราคาซื้อน้ำมันดิบรัสเซียที่อาจทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัว
บวกกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศที่มีการบริโภคน้ำมันจำนวนมาก ทำให้เกิดความหวั่นวิตกกว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อความต้องการในการใช้น้ำมัน
ขณะนี้ความสนใจพุ่งไปการประชุมขององค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และบรรดาชาติพันธมิตรนำโดยรัสเซีย ที่รู้จักกันในชื่อของโอเปคพลัส (OPEC+) ว่าจะหารือในเรื่องใดบ้างในการประชุมร่วมกันที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 ตุลาคม หลังจากที่โอเปคพลัสได้ตกลงร่วมกันในการประชุมครั้งก่อนว่าจะลดกำลังการผลิตลงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงไปมากนัก โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่โอเปคพลัสจะปรับลดกำลังการผลิตลงอีก
