นายกฯ อัพเดตช่วยคนไทยในอิสราเอล ประสานเครื่องบินเอกชน 4 ลำ ขอกองทัพนำรถทหารช่วย

นายกฯ อัพเดตช่วยคนไทยในอิสราเอล ประสานเครื่องบินเอกชน 4 ลำ ขอกองทัพนำรถทหารช่วย

ด่วน! นายกฯ อัพเดตสถานการณ์ ช่วยคนไทยในอิสราเอล ล่าสุดประสานสายการบินเอกชน ได้อีก 4 ลำ หลังตัวเลขพุ่งสูงกว่า 5,000 คน กังวลสถานการณ์เลวร้ายลง รับปัญหาลำเลียงคนมายังสถานทูตยากลำบาก ผบ.ทสส. ประสานกองทัพอิสราเอล นำรถทหารช่วย หวังรัฐบาลอิสราเอลเห็นใจ ไทยสูญเสียมากประเทศหนึ่ง

ที่ประเทศมาเลเซีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงความคืบหน้า การช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลว่า ล่าสุดเวลา 3 ทุ่ม ตามเวลาท้องถิ่น นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนางสาวพรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้มีการหารือกันหลังคนไทยในอิสราเอล และพื้นที่ใกล้เคียง ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยกว่า 5,000 คน ซึ่งขนาดนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แย่ลง และเลวร้ายลงไป มีจรวดยิงกันตลอดเวลา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้เครื่องบินของไทยที่จะออกในวันพรุ่งนี้ เพื่อรับคนไทย 15 คนนั้นก็ยังไม่พร้อม เนื่องจากอีก 11 คน กำลังเดินทางเข้ามาที่สถานทูต ซึ่งขณะนี้มีแค่ 4 คน และได้รับบาดเจ็บ แต่อยู่ในสถานทูตปลอดภัยแล้ว

ADVERTISMENT

“การจราจรในประเทศอิสราเอลถนนก็ปิดหลายสาย ดังนั้นทางเดียวที่สามารถเดินทางได้ต้องอาศัยรถทหาร โดย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ได้ประสาน กองทัพอิสราเอล เพื่อขอให้ช่วยใช้รถของอิสราเอลลำเลียงคนของเราเข้ามายังสถานทูต แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ขณะนี้สถานการณ์เร็วร้ายลงไป ดังนั้นเราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะอพยพคน 5,000 คน ให้ได้ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด” นายกฯกล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า แต่มีปัญหามีอยู่ 2-3 ปัญหาใหญ่คือ ต้องมีเครื่องบินเพียงพอ โดยเราได้ประสาน แอร์เอเชีย ที่จะสามารถให้บินได้ 2 ลำ หรือมากกว่า และทางนกแอร์ จะมีอย่างน้อย 2 ลำ และการบินไทยก็อยู่ระหว่างการพิจารณา ตอนนี้เราพยายามนำเครื่องบินมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อบินเข้ามา และรับคนออกจากอิสราเอล เพื่อไปจอดยังประเทศข้างเคียง และกลับไปรับใหม่ เพื่อนำคนออกจากประเทศอิสราเอลให้เร็วที่สุด ซึ่งพรุ่งนี้ก็สามารถออกได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องให้มั่นใจว่าเมื่อไปถึงแล้วคนไทยพร้อมพี่จะออกมา เพราะการเดินทางในอิสราเอลนั้น สามารถใช้ได้เฉพาะรถทหารเท่านั้น ส่วนเครื่องบินของรัฐนั้นก็มีอยู่ 5 ลำ

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่ามีการเตรียมเครื่องบินไว้ 9 ลำนั้นพร้อมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอาจจะมีมากกว่านั้น เพราะขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยังเจรจาอยู่ และยืนยันว่าเรื่องค่าใช้จ่ายนั้นเป็นเรื่องเล็ก เท่าไหร่ก็จ่ายเท่าไหร่ก็ต้องออกไปให้ได้ เพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน สำคัญที่สุด แต่ปัญหาที่ตามมาคือไม่แน่ใจว่าน่านฟ้าจะเปิดนานเท่าไหร่ และอีกปัญหาคือการลำเลียงคนเข้ามายังสนามบิน ได้มากเท่าไหร่ เพราะหาก นำเครื่องบินมาจอดทิ้งไว้ และไม่สามารถลำเลียงคนมาได้ก็จะเปล่าประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามหากเราไม่เตรียมพร้อม และไม่เตรียมเครื่องบินไว้ก็จะเสียโอกาสไป เนื่องจากมีโอกาสที่น่านฟ้าจะปิดในเร็ววันนี้ ดังนั้นการปฎิบัติการเราต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะต้องเตรียมพร้อม และอาจจะต้องบินเข้าไปก่อน และเข้าไปเสี่ยงว่าจะสามารถนำคนของประชาชนคนไทยออกมาได้หรือไม่

นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในอิสราเอลสูงที่สุด ซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจ และประสานงานอยู่ตลอดต่อเนื่องจากทุกภาคส่วน และพรุ่งนี้เช้าน่าจะมีการอัพเดตสถานการณ์อีกครั้ง ขอให้ติดตามฟังข่าวต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเครื่องบินพาณิชย์ ยอมรับว่ามีค่าใช้จ่าย แต่เขาระบุว่าจะคิดแค่ค่าน้ำมัน ยืนยันว่าค่าใช้จ่ายนั้นถือเป็นเรื่องรอง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย และนี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะมีความเสี่ยง ขณะนี้ทุกคนยังปลอดภัยอยู่ แต่จะทำอย่างไร ให้ทั้ง 5,000 คน มาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนที่จะอพยพกลับเมืองไทย แต่หากอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วเครื่องบินไม่มารับ ก็จะมีปัญหาอีก หรือหากเครื่องบินมาแล้วไม่สามารถขึ้นลงได้ก็มีปัญหาอีก ทั้งนี้รัฐบาลมีความพร้อมที่จะนำเครื่องบินมาให้ได้เยอะที่สุด

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าแนวโน้มคนไทยที่แจ้งความประสงค์จะเดิน ทางกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์เลวร้ายลงไป

“หากน่านฟ้าเปิดตลอด และสถานการณ์ลดความรุนแรงลง ก็ยังมีความหวังแต่ถ้าเราเสี่ยงไม่ได้ ตรงนี้อาจจะต้องเตรียมเครื่องบินให้เยอะกว่านั้น จะได้อพยพคนไทยกลับมาปลอดภัยได้เร็วที่สุด” นายกฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า สื่อของอิสราเอล รายงานว่าพบคนไทย จำนวน 14 คนในเขตพื้นที่กาซา ได้รับรายงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากเอกอัครราชทูต ณ กรุง เทลอาวีฟ แต่หวังว่าจะเป็นเรื่องจริง และหวังว่าทุกคนจะปลอดภัย เพราะก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นั่น เมื่อเกิดเหตุระเบิดลงต่างคนต่างหนีมาตัวเปล่า เหตุการณ์ชุลมุน เอกสาร และพาสปอร์ตก็ไม่มี แต่เรื่องเอกสารเป็นเรื่องทีหลังมากกว่า โดยกระทรวงต่างประเทศก็สมทบเจ้าหน้าที่จากพื้นที่ใกล้เคียง เป็นอาสาสมัครไปช่วยดำเนินการเรื่องเอกสารทำให้ประชาชนออกมาโดยเร็วที่สุด ตนได้สั่งการไปว่าเรื่องของเอกสารขอให้เป็นเรื่องรอง ความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้พบคนไทยเสียชีวิต 20 ราย และหวังว่าจะเป็นตัวเลขที่จบแล้ว แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ เพราะการต่อสู้ก็ยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราจึงพยายามอพยพคนไทยให้ได้เร็วที่สุด เท่าที่สามารถทำได้ทุกวิถีทาง ขอขอบคุณพระเอกชนที่มีส่วนร่วมในการช่วยนำคนไทยออกมา เท่าที่ดูจากตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้นต้องยอมรับว่าของไทยเป็นประเทศที่มีการสูญเสียสูงที่สุดประเทศหนึ่ง ก็หวังว่ารัฐบาลอิสราเอล คงจะเห็นใจและจะช่วย อำนวยความสะดวกนำรถทหารมาส่งประชาชนคนไทยกลับบ้านโดยเร็วที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image