ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เห็นพ้องที่จะเดินหน้ากดดันให้มีการหยุดยิงเพื่อยุติสงครามในประเทศซีเรีย จากการรายงานของสำนักข่าวบีบีซีในวันพุธ (3 พ.ค.) ระบุว่า ผู้นำชาติมหาอำนาจทั้งสองได้พูดคุยหารือกันทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สหรัฐลงมือโจมตีทางอากาศต่อซีเรียเมื่อเกือบ 1 เดือนก่อนที่ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติมหาอำนาจนี้ตึงเครียดยิ่งขึ้น
หลังการหารือ ทำเนียบขาวของสหรัฐและทำเนียบเครมลินของรัสเซียต่างออกแถลงการณ์ระบุว่า เป็นการพูดคุยที่ก่อเกิดผล ผู้นำทั้งสองยังหารือกันถึงประเด็นปัญหาอื่นๆ ซึ่งรวมถึงเรื่องเกาหลีเหนือและกรอบเวลาที่จะพบปะกันแบบเผชิญหน้าระหว่างกันในอนาคต
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวสหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีปูตินมีความเห็นตรงกันว่า สถานการณ์เลวร้ายในซีเรียไปไกลมากและทุกฝ่ายจะต้องทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น “เป็นการสนทนาที่ดีมากครั้งหนึ่ง และมีการหารือกันถึงความปลอดภัยหรือการลดการขยายวงพื้นที่ขัดแย้งเพื่อที่จะบรรลุสันติภาพด้านมนุษยธรรมที่ยั่งยืนและด้วยเหตุผลอื่นๆ” ทำเนียบขาวระบุ
ส่วนแถลงการณ์ของทำเนียบเครมลินระบุว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันในการเพิ่มความพยายามที่จะหาหนหนทางในการส่งเสริมการหยุดยิงที่เข้มแข็ง “เป้าประสงค์คือเพื่อสร้างเงื่อนไขสำหรับการเริ่มต้นกระบวนการแก้ปัญหาในซีเรียอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกคำสั่งโจมตีซีเรียทางอากาศ หลังจากมีการกล่าวหาว่ากองกำลังรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ซึ่งเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย ได้ใช้อาวุธเคมีก่อเหตุโจมตี ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ขณะที่รัสเซียกล่าาวหาว่าเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏซีเรีย
