ส่องชีวิต เมแกน มาร์เคิล “ซินเดอเรลลา ยุค 4.0 “ผู้มากความสามารถ

(เอเอฟพี)

น่าจะพูดได้ว่า เมแกน มาร์เคิล เปรียบได้ดั่ง “ซินเดอเรลลา ยุค 4.0 “ที่หญิงสามัญชนได้พบรักกับเจ้าชายหนุ่ม และได้แต่งงานครองรักกันในที่สุด ในโอกาสที่งานเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รีแห่งอังกฤษพระชันษา 33 กับนักแสดงสาวชาวอเมริกันวัย 36 กำลังขยับเข้าใกล้วันที่ 19 พฤษภาคมเข้ามาทุกที วันนี้เรามาย้อนดูประวัติของว่าที่สะใภ้คนใหม่ของราชวงศ์วินด์เซอร์กันหน่อยว่า เธอเป็นใคร มาจากไหน และเคยทำอะไรมาบ้าง

 

(เอเอฟพี)

เมแกน มาร์เคิล มีชื่อเต็มว่า เรเชล เมแกน มาร์เคิล เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ปี 2524 ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เป็นบุตรสาวของ โธมัส มาร์เคิล ชาวดัทช์-ไอริช ผู้กำกับแสงในวงการบันเทิงฮอลลีวู้ดซึ่งเคยได้รางวัลเอ็มมี่ แต่ปัจจุบันได้วางมือจากวงการบันเทิงไปแล้วและไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองโรซาริโต บีช ประเทศเม็กซิโก มารดาชื่อ โดเรีย แร็กแลนด์ หญิงเลือดผสมแอฟริกัน -อเมริกัน มีอาชีพเป็นนักสังคมสงเคราะห์ และครูสอนโยคะ พ่อแม่เธอหย่ากันตั้งแต่เธออายุ 6 ขวบ เธอยังมีพี่ชายต่างแม่ และ พี่สาวต่างแม่ ชื่อว่า โธมัส มาร์เคิล จูเนียร์ และ ซาแมนธา แกรนต์ พี่สาวต่างแม่วัย 53 ปี ซึ่งทั้งสองเคยออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเธอในแง่ไม่ดี นับแต่เธอมีข่าวพบรักกับเจ้าชายแฮร์รี

 

Advertisement
(เอเอฟพี)

มาร์เคิลจบการศึกษาด้านการละครและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา เคยสมรสกับ เทรเวอร์ แองเกลสัน โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ และผู้จัดการดาราที่มีฝีมือ เมื่อปี 2554 และหย่ากันเมื่อปี 2556 ทั้งสองไม่มีบุตรด้วยกัน

 

(เครดิตภาพจาก meghan_markle )

เธอเป็นหญิงสาวที่น่าจะพูดได้ว่าเป็นคนแอคทีฟ และรักการเรียนรู้อยู่ไม่น้อย หากดูจากประสบการณ์การทำงานต่างๆของเธอ อาทิ เธอเคยฝึกงานอยู่ที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เคยเป็นทูตสันธวไมตรีโลกด้านวิสัยทัศน์ของแคนาดา เคยเดินทางไปประเทศรวันดา ในฐานะทูตสันธวไมตรีโลกด้านวิสัยทัศน์ของแคนาดา เคยทำงานกับวัน ยังก์ เวิลด์ (One Young World)ค่ายผู้นำรุ่นใหม่เพื่อสังคม เพื่อช่วยองค์กรการกุศลของอังกฤษบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมให้ผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกช่วยกันสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดี

Advertisement

 

(เครดิตภาพจาก meghan_markle )

เมื่อต้นปี 2558 เธอยังเคยไปพูดถึงเรื่องความเสมอภาคทางเพศ ในโอกาสฉลองครบรอบ 20 ปีของสตรีสหประชาชาติในการประชุมระดับโลกครั้งที่สี่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยเธอได้เล่าถึงที่มาของเธอที่กลายเป็นนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวตั้งแต่อายุ 11 ปีที่เธอเคยเขียนจดหมายถึงผู้หญิงเก่งหลายคน รวมทั้ง นางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐอเมริกา พูดถึงเนื้อหาในภาพยนตร์โฆษณษาทางทีวี ที่มักนำเสนอภาพลักษณ์ของผู้หญิงจมอยู่กับจานชามเลอะเทอะในครัว

 

(เครดิตภาพจาก meghan_markle )

นอกจากนั้นเธอยังเป็นคนชอบขีดเขียน ชอบถ่ายทอดความคิดของเธอให้คนอื่นได้รู้ เธอเคยเขียนบทความลงนิตยสารแอลของอังกฤษ และเมื่อเมื่อปลายปี 2558 เธอได้เขีบนบทความเรื่อง “I’m More Than An ‘Other “ที่บอกเล่าถึงการเป็นผู้หญิงลูกผสมหลายเชื้อชาติของเธอลงนิตยสารแอล ยูเค
เธอยังเป็นคนสนใจเรื่องโยคะ เรื่องอาหาร ชอบการเขียนอักษรวิจิตร หรือ CALLIGRAPHY และเคยเป็นบล็อกเกอร์ เป็นเจ้าของบล็อกชื่อ The Tig ที่เธอจะเขียนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ต่างๆของเธอ โดยเริ่มทำบล็อกนี้ตั้งแต่ปี 2557 แต่ปิดไปแล้วเมื่อปี 2560 เพราะนับแต่นี้ เธอต้องโฟกัสการทำหน้าที่ในฐานะหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษ

 

(เครดิตภาพจาก meghan_markle )

สำหรับงานด้านการแสดง ซึ่งเธอมีความหลงใหล รักชอบไม่แพ้งานด้านอื่นๆที่เธอได้ทำ น่าจะเริ่มต้นจากการที่เธอได้ตามติดพ่อไปทำงาน และได้เห็นการทำงานในวงการบันเทิงตั้งแต่ยังเล็ก เธอจึงซึมซับความรักชอบในอาชีพนี้มาเรื่อยๆ กระทั่งมีโอกาสก้าวเข้าสู่วงการทีวี และวงการภาพยนตร์ โดยเริ่มจากวงการทีวีก่อน ซึ่งเมแกนเริ่มมีผลงานทางทีวีเรื่องแรกเมื่อปี 2545 ในซีรีส์เรื่อง General Hospital จากนั้นก็มีโอกาสเล่นซีรีส์มาเรื่อยๆราว 18 เรื่อง ก่อนจะมาได้รับบท ราเชล แซน ทนายความสาว ในซีรีย์เรื่องสูท (Suits )ที่ส่งให้เธอแจ้งเกิด มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ซึ่งเธอเล่นมาถึง 7 ซีซั่น ก็ต้องอำลา เมื่อตกลงใจเป็นเจ้าสาวสาวของเจ้าชายแฮร์รี
สำหรับผลงานภาพยนตร์มี 8 เรื่อง ได้แก่ A Lot like Love ผลงานเรื่องแรกเมื่อปี 2548 ,Remember Me ปี 2553 โดยผลงานส่วนใหญ่ เมแกน ได้รับบทเล็กๆเท่านั้น มีเพียง Random Encounters หนังปี 2556 ซึ่งเมแกน ได้รับบทเป็น 1 ใน 3 ตัวเอกของเรื่อง

ในฐานะ คนรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมราชวงศ์อังกฤษ เธอยังถูกสื่อจับตาว่าจะเป็นหนึ่งในสี่ของทีมแฟบ โฟร์ (Fab Four) หรือ “4 มหัศจรรย์” ร่วมกับ เจ้าชายวิลเลียม ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายา และเจ้าชายแฮร์รีที่จะเป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนโฉมราชวงศ์อังกฤษอีกด้วย

 

(เครดิตภาพจาก wsbuzz.com)
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image