บทบาทของพรรคร่วมฝ่ายค้าน กับศักย์การนำ ของ ‘เพื่อไทย’
คำประกาศของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ที่จะเดินสายพบประชาชนในขอบเขตทั่วประเทศเพื่อทำความเข้าใจในเรื่อง ‘รัฐธรรมนูญ’
ไม่ว่าจะมองในทาง ‘รูปแบบ’ ไม่ว่าจะมองในทาง ‘เนื้อหา’ มีบทบาทและความหมายเป็นอย่างสูง
ในทางเป็นจริง นี่คือการเคลื่อนไหวทาง ‘ความคิด’ อันดำรงอยู่ในกระสวนทาง ‘การเมือง’ โดยยึดโยงอยู่กับฐานมวลชนของแต่ละ พรรคการเมืองอย่างแนบแน่น
หากมองจากสภาพความเป็นจริงที่แต่ละพรรคการเมืองล้วนต้องมี ‘ฐาน’ มวลชนที่แน่นหนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย ต้องยอมรับว่านี่คือการเคลื่อนไหวที่จริงจังเป็นอย่างมาก
เพราะไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยจะมีความต่อเนื่องมาจาก 1 พรรคไทยรักไทย 1 พรรคพลังประชาชน หากแต่ยังมีคุณูปการเป็น อย่างสูงนับแต่การเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อปี 2553
หากสามารถประสานพลังเข้ากับพรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย ได้ย่อมมากด้วยศักย์ในทางการเมือง
คำถามต่อพรรคเพื่อไทยก็คือ พรรคเพื่อไทยจะสามารถสำแดงพลานุ ภาพของตนได้หรือไม่ในทางเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผนึกกำลังของ ‘คนรุ่นใหม่’ เข้ามา
ก่อนอื่นก็คือ พรรคเพื่อไทยจะนำเอา ‘ศักยภาพ’ ที่มีกลุ่ม แคร์ คิด เคลื่อน ไทย มาแปรนามธรรมให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร
นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการที่เป็นจริง
ทางหนึ่ง คือการบริหารจัดการเพื่อดึงเอาพลังของ ‘คนรุ่นใหม่’ ภายในพรรคเพื่อไทยออกมาให้เป็นรูปธรรม ทางหนึ่ง คือการบริหาร จัดการเพื่อดึงเอาพลังของพันธมิตรในแนวร่วม
ความหมายก็คือ พลังของพรรคเพื่อไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคประชาชาติอันล้วนแต่มี ‘เอกลักษณ์’โดดเด่นของตนเอง
หากพรรคเพื่อไทยไม่สะท้อนลักษณะแห่ง ‘การนำ’ อย่างสร้าง สรรค์ได้ พลานุภาพก็มิอาจปรากฏขึ้นในทางเป็นจริง
พลันที่พลานุภาพของพรรคร่วมฝ่ายค้านมิอาจปรากฏ นั่นก็หมาย ความว่า คำประกาศก็เสมอเป็นเพียงคำประกาศ เป็นเพียงการขับ เคลื่อนในทาง ‘รูปแบบ’ โดยเนื้อหาว่างเปล่าเบาโหวง
ท่วงทำนองของพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ดำเนินไปในลักษณะเป็นดั่ง ‘เสือกระดาษ’ ไม่ก่อให้เกิดพลัง ไม่สร้างความหวาดกลัว
ทุกสายตาจึงทอดจับไปยัง ‘พรรคเพื่อไทย’ อยากตั้งความหวัง