09.00 INDEX ปฏิกิริยา จาก ประวิตร สมคิด ต่อสำนึก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
มีความละเอียดอ่อนหนึ่งในทางการเมืองจากการดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ถึงเดือนกันยายน 2565
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รู้ ขณะที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รู้
นั่นก็คือ ความรู้สึก “เบื่อ” อันเกิดขึ้นในทาง “สังคม”
นี่เป็นความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกรณีของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เคยได้รับในห้วงแห่งการดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีจากเดือนมีนาคม 2523 ถึงเดือนสิงหาคม 2531
ไม่เพียงเพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ สัมผัสได้ในกระแสต่อต้านอันเด่นชัดจากปัญญาชน นักวิชาการ ที่ถึงกับขู่ว่าจะถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากเป็นบทสรุปอันก่อรูปขึ้นในความคิดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อฟังความรอบด้านทั้งจากคนที่แวดล้อมทั้งทหารและพลเรือน
จึงเมื่อพบกับหัวหน้าพรรคการเมืองที่นำโดย พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ จึงได้เปล่งคำว่า “ผมพอแล้ว” ออกมา
แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกนี้
ถามว่าบทสรุปจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมในฐานะของ “รักษาการ” นายกรัฐมนตรีมาจากพื้นฐานใด
ถามว่าบทสรุปจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่พร้อมเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจากบทสรุปใด
1 เป็นนักการทหาร 1 เป็นนักการตลาด
มองจากท่วงทำนองการแสดงออก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สุภาพอย่างยิ่งเพราะเพียงแสดงให้สังคมรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้เป็นทางเลือกเดียวของสังคมประเทศไทย
มองจากท่วงทำนองการแสดงออก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพียงประมวลสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ การเมือง และประมวลสรุปด้วยความจัดเจนของนักการตลาด
บอกให้รู้ว่าสังคมไทยจำเป็นต้องมีทางออกใหม่อย่างเด่นชัด
แม้ปฏิกิริยาอันมาจากพรรคเพื่อไทยประสานกับพรรคก้าวไกลอาจไม่เป็นที่พึงประสงค์สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากมิได้พริ้งไพเราะเสนาะหู
กระนั้นที่เห็นจาก “ประวิตร” ที่เห็นจาก “สมคิด” ก็สำคัญ
หากกระทั่งท่าที พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่าที นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ไม่มีความหมายและส่งผลสะเทือน
ก็น่าเป็นห่วงยิ่งสำหรับทิศทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา