09.00 INDEX สถานะ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใต้สถานการณ์ ‘จบแล้วนาย’
คำพูดจากปากของแกนนำสำคัญคนหนึ่งภายหลังสถานการณ์รุกไล่พรรคพลังประชาชนจาก นายสมัคร สุนทรเวช ถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ว่า “มันจบแล้วนาย”
สามารถนำมาปรับประสานกับสถานการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเผชิญประสบขณะนี้ได้เป็นอย่างดี
คำว่า “จบ” ในที่นี้มีความหมายในทาง “การเมือง”
หากมองจากด้านของนักการทหาร ความหมายนี้มีความลึกซึ้งอย่างเป็นพิเศษในทางยุทธศาสตร์ นั่นก็คือตกอยู่ในสถานการณ์ถูกรุกอยู่ในสภาพตั้งรับและลางแห่งความพ่ายแพ้เด่นชัด
ยิ่งระยะเวลาแห่งการพักการปฏิบัติหน้าที่ทอดออกไปเนิ่นยาวนั่นคือลักษณะ “ตั้งรับ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่ฝ่ายรุกกลับเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ภาพอันปรากฏผ่านการไปตรวจราชการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่นราธิวาสก็เช่นเดียวกับภาพที่เคยได้เห็นกันมาแล้วที่ตาก นั่นก็คือ มากด้วยความคึกคัก มากด้วยความสดใส
เป็นภาพอย่างที่เรียกกันตามพังเพยโบราณที่ว่า “ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง”
บ่งบอกสถานะ “รุก” ส่งสัญญาณสถานะ “ตั้งรับ”
ไม่ว่าในทางยุทธศาสตร์ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำก็มีโอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำอย่างต่อเนื่องในทางการเมือง คนที่ตกอยู่ในจุดตั้งรับยากเป็นอย่างยิ่งที่จะพลิกสถานการณ์ได้โดยง่าย
รายละเอียดไม่เพียงแต่ต้องรอคอยต่อคำวินิจฉัยสุดท้ายจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
หากที่แหลมคมเป็นอย่างมากคือจะ “ตั้งรับ” อย่างไร
ในความเป็นจริง คำวินิจฉัยเมื่อลงเอยด้วยการไม่อาจเดินหน้า “ไปต่อ” ได้อีกกลับจะเป็นเรื่องดี ขณะที่หากให้โอกาสในการได้ “ไปต่อ” คำถามอยู่ที่ว่าจะไปต่ออย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้
โดยพื้นฐานที่สุดก็คือสถานะและการได้รับการยอมรับจากแต่ละพรรคการเมืองอันเป็นพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ
จะเสนอเพียงคนเดียว หรือว่ามีคนอื่นมาเป็นเครื่องพ่วง
ไม่ว่าจะมองผ่าน 8 ปีหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ไม่ว่าจะมองผ่าน 16 ปีหลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ล้วนไม่เป็นผลดี
บทสรุปที่ว่า “มันจบแล้วนาย” จึงเป็นบทสรุปในลักษณะทั่วไป
ในสถานการณ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 อาจแทนคนคนหนึ่ง แต่ในเดือนกันยายน 2565 อาจแทนคนอีกคนหนึ่ง
แต่นี่คือสัจธรรมแห่ง “อำนาจ” อันเป็น “อนิจจัง” ไม่เที่ยง