‘หมอโอ๋’ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน แนะวิธีคุยกับลูกเรื่องข่าวข่มขืน ชี้เรื่องเพศควรสอนตั้งแต่เด็ก

ขอบคุณรูปภาพจากเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน

‘หมอโอ๋’ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน แนะวิธีคุยกับลูกเรื่องข่าวข่มขืน ชี้เรื่องเพศควรสอนตั้งแต่เด็ก

จากกรณีครูล่วงละเมิดเด็กนักเรียนหญิงภายในโรงเรียน พ่อแท้ๆ ข่มขืนลูกในบ้าน รวมไปถึงตำรวจล่วงละเมิดสาวไปจ่ายค่าปรับหมวกกันน็อก ที่มีการรายงานข่าวในช่วงนี้

สะท้อนให้เห็นว่า ‘การล่วงละเมิดทางเพศในเด็ก’ ยังคงเกิดขึ้นและซุกซ่อนอยู่ในสังคมไทย ส่งผลให้ผู้ปกครองมีความกังวลทั้งเรื่องความปลอดภัย รวมไปถึงจะมีวิธีการพูดคุยกับลูกให้ป้องกันตัวเอง และเข้าใจสถานการณ์การข่มขืนที่เกิดขึ้นอย่างไรจึงจะเหมาะสม

แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร หรือ หมอโอ๋ เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน ได้โพสต์ให้ข้อมูลผ่านเพจว่า
#คุยกับลูกเรื่องข่าวข่มขืน

“ตอนนี้มีข่าวเรื่องข่มขืนทุกวันเลย ลูกสาววัย 7 ขวบ ถามว่าข่มขืนคืออะไร เราจะตอบยังไงดีคะ”

Advertisement

คำถามที่พ่อแม่คงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ว่าจะตอบอะไรแค่ไหนดี แต่จริงๆ มันอาจจะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้คุยเรื่องที่สำคัญนี้กับลูก

หมอมีคำแนะนำดังนี้ 1. สอนลูกทั้งชาย หญิง และเพศหลากหลาย ไม่ควรสอนกับลูกสาวเพียงเท่านั้น เพราะการล่วงละเมิด จะเกิดกับใครและเพศใดก็ได้

2. เด็กเล็กไม่ต้องบอกรายละเอียดของการข่มขืน แต่เน้นไปที่การ “ละเมิดสิทธิ” ใช้ประโยค เช่น “มีบางคนเข้ามายุ่งกับร่างกายของเรา โดยที่เราไม่เต็มใจ และไม่อยากให้ทำ เช่น บางคนมาจับหน้าอก มายุ่งกับอวัยวะเพศ หรือบางทีก็ให้เราไปจับของเค้าโดยที่เราไม่ยินยอม”

Advertisement

3. สอนลูกเรื่อง “สิทธิในร่างกายตนเอง” ลูกเป็นเจ้าของร่างกายตนเอง มีสิทธิปฏิเสธ ไม่ให้ใครมาวุ่นวาย ไม่มีใครมีสิทธิในร่างกายเราโดยที่เรารู้สึกไม่เต็มใจ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนในหรือนอกครอบครัว

4. เลี่ยงการพูดเรื่อง “คนเหล่านี้ต้องถูกลงโทษ” ถูกเอาเข้าคุก ถูกประหารชีวิต เพราะร้อยละเกือบ 80 ของคดีล่วงละเมิดทางเพศในเด็กและเยาวชน “เกิดจากคนใกล้ชิด” การพูดว่าคนเหล่านี้ต้องถูกลงโทษ หลายครั้งทำให้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อ ไม่กล้าบอกใคร ด้วยความกลัวเรื่องร้ายจะเกิดกับคนในครอบครัว บอกลูกแค่คนเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไข ให้ไม่กระทำความผิดกับใครอีก

5. บอกลูกเสมอ ไม่ว่าจะอย่างไร “การถูกข่มขืน ไม่ใช่ความผิดของผู้ถูกกระทำ” ไม่ใช่ความผิดของการแต่งตัวไม่เรียบร้อย ใส่ขาสั้น เมาหรือไม่ดูแลตัวเองให้ดี “ไม่มีใครมีสิทธิที่จะข่มขืนหรือละเมิดใคร” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม

6. สอนลูกเรื่องการไม่อยู่ในที่ลับตาคนสองต่อสองกับครู/ผู้ใหญ่คนไหน ถ้ารู้สึกว่าอันตราย ให้หาใครไปเป็นเพื่อนด้วยเสมอ

7. บอกลูกว่าพ่อแม่จะอยู่กับลูกเสมอ ถ้ามีใครมาทำอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดใจ ให้บอกพ่อแม่ได้ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม

8. ข้อนี้ขอกาสามดาว *** ไม่บังคับให้ลูกกอดหอมใคร หรือให้ใครมากอดหอมลูก โดยที่ลูกรู้สึกไม่เต็มใจ ลูกจะสับสนในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ และไม่แน่ใจในสิทธิของร่างกายตนเอง

9. ในเด็กโต เช่น วัยรุ่น พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูก ถึงเรื่องสัมพันธภาพที่ปลอดภัย สัญญาณอันตรายที่อาจทำให้มีความเสี่ยง เพศสัมพันธ์ควรเกิดแบบเต็มใจและไตร่ตรอง ทักษะชีวิต ทักษะปฏิเสธและการขอความช่วยเหลือ การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการคุมกำเนิดฉุกเฉิน

สุดท้าย บอกลูกเสมอว่า “ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนมีข้อแก้ตัวใดๆ กับการล่วงละเมิดเด็ก” และจะให้ดี ครอบครัวต้องทำให้เด็กเชื่อเช่นนั้น ด้วยการไม่ละเมิดกันทั้งทางกาย วาจา ใจ

รักลูก… พูดคุยกับลูกเรื่องเพศตั้งแต่เล็กๆ และทุกครั้งที่มีโอกาสนะคะ และเวลาที่ลูกอยากรู้ นี่ถือเป็นโอกาสทองของการคุยเรื่องเพศทุกครั้ง

ก่อนทิ้งท้ายว่า #หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน ผู้เชื่อว่าเด็กควรเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเอง ในสังคมที่มักมีผู้ใหญ่ข่มเหงรังแกเด็ก

ภายหลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ผู้ปกครองต่างทยอยเข้าไปกดไลก์อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังร่วมแชร์วิธีคุยกับลูก รวมไปถึงร่วมแสดงความคิดเห็นมากมาย อาทิ

“กับข่าวพูดไม่ออกค่ะ กับลูกกับเด็กๆในสังคมทุกคนหนักใจมากค่ะยอมรับว่ากังวล ห่วง เครียดค่ะ”

“ลูกชาย9ขวบ ก็ถามคุณแม่เหมือนกันค่ะ ตอบลำบากมาก ก็เลยตอบไปว่าจำการผสมพันธุ์สัตว์ได้ไหมถ้าเพศผู้อยากให้เพศหญิงมาชอบต้องทำให้เพศหญิงประทับใจก่อน ฝ่ายหญิงถึงจะยอมผสมพันธุ์ด้วย แต่การข่มขืนคือการผสมพันธุ์กันโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ดีกว่านี้ แต่น้องก็พอจะเข้าใจและรับรู้ได้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิดค่ะ”

“ขอบคุณสำหรับแนวการสอนนะคะ มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image