ล้วงลึกหัวใจ คนถูกบูลลี่ สู่บทเรียนการก้าวผ่าน หัวใจที่ถูกจองจำ

ล้วงลึกหัวใจ คนถูกบูลลี่ สู่บทเรียนการก้าวผ่าน หัวใจที่ถูกจองจำ

ยังคงมีเยาวชนอีกจำนวนมากที่ประสบกับปัญหาการกลั่นแกล้ง หรือต้องติดอยู่ในวังวนความทุกข์ทรมาน จากคำพูดที่คนพูดคิดว่า “แซวเล่นๆ ไม่เห็นเป็นอะไร” ซึ่งรวมไปถึงบรรดาผู้ปกครองที่มองปัญหาการกลั่นแกล้งว่า “ก็แค่เด็กแกล้งกัน-สมัยพ่อกับแม่ก็มี-ทำไมไม่เข้มแข็งมากกว่านี้…”

แต่คนฟังจะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ…

เปลือยหัวใจ “คนถูกบูลลี่” ในกิจกรรมฮีลลิ่ง ไทม์ (Healing Time) จัดโดยมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (IYF) ณ ไอวายเอฟ เซ็นเตอร์ รังสิต ที่เปิดให้เยาวชนได้วิเคราะห์จิตใจของตนเอง และแชร์เรื่องราวในจิตใจ สะท้อนให้เห็นว่าในกลุ่มเยาวชนจำนวนมากที่ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มแสนสดใส ราวกับว่าไม่มีปัญหาใดๆ แต่ในใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความทุกข์ที่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย

ดังเช่น “มิ้น” เด็กสาวที่เปรียบตัวเองว่าภายนอกเธอเป็นเหมือนกับแมวตัวเล็กที่ไม่มีพิษสง แต่ภายในใจของเธอกลับมีเสือร้ายซ่อนอยู่ เสือที่มักจะโมโหและโกรธทุกครั้งที่เพื่อนเรียกเธอว่า “แมลงสาบ” ซึ่งเป็นฉายาที่ได้มาจากการที่ครั้งหนึ่งมีแมลงสาบบินออกมาจากใต้โต๊ะของเธอ นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่มีผลระดับการเรียนที่ไม่ดีนัก ครั้งหนึ่งสอบได้ที่ 50 และแม่พูดกับเธอว่า “ไม่อยากให้เป็นคนที่ไม่ฉลาดแบบนี้” คำพูดเหล่านี้คอยกระตุ้นให้เสือตัวนั้นกระชากใจเธอเป็นแผลทุกครั้ง

Advertisement

“ซาราห์” สาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ในแถวต้องอยู่ข้างหน้าสุดตลอด เวลามีคนเรียกเธอว่า “เตี้ย” ก็พยายามที่จะทำใจยอมรับ แสดงออกด้วยรอยยิ้มว่าไม่รู้สึกอะไรแต่ในใจรู้สึกโกรธเพื่อน อิจฉาเพื่อนที่ตัวสูงอยู่เสมอ เพราะหลายๆ ถ้อยคำที่เธอได้รับทำให้รู้สึกว่าการเป็นคนตัวเตี้ยคือสิ่งไม่ดี อาทิ ครูที่พูดว่า “เทอมนี้ก็อยู่หน้าสุดอีกแล้วนะ ไม่เคยได้เขยิบไปอยู่แม้แต่คนที่ 2 เลย” หรือคนอื่นๆ ที่ทักว่า “ในตอนเด็กๆ พ่อแม่ไม่ให้กินของดีๆ หรือเปล่า เลยไม่สูง” ส่งผลให้เธอยึดติดกับความสูงไปทำทุกทางที่จะทำให้สูงไม่ว่าจะดื่มนมทุกวัน ไปปรึกษาหมอ และฝังเข็ม

บรรยากาศการทำกิจกรรม

“แฟ้ม” เด็กหนุ่มที่ถูกล้อจากเพื่อนๆ ในวัยมัธยมว่า “อ้วน” และ “ตัวเหม็น” เขาเป็นคนขี้อายและไม่มั่นใจที่จะคุยกับคนอื่น ถูกแกล้งมาหลายแบบทั้งโดนรุมต่อย โยนลูกบามใส่ หรือขโมยของไปซ่อน แต่ที่พีคที่สุดคือ เพื่อนกลุ่มเดิมที่ชอบแกล้งได้นำเค้กมาให้ ซึ่งเขาก็เกิดความระแวงว่าทำไมจู่ๆ มาทำดีด้วย จึงเช็กอย่างละเอียดว่ามีเศษดินหรือเปล่า อาจจะตกพื้นแล้วนำมาให้เขากิน หรือเป็นเค้กที่บูดแล้วหรือไม่ แต่พอดมกลิ่นก็ปกติ ทว่าสิ่งที่เขาพบคือด้านในเค้กเพื่อนได้ถุยเสลดไว้ข้างใน จุดนี้ทำให้เขากลายเป็นคนปิดใจ มองทุกคนที่เข้ามาทำดีด้วยว่าต้องการจะมาทำร้ายเขา

“วันนั้นผมคิดว่าพวกเขามองผมเป็นสุนัขหรือ ถึงทำแบบนี้กับผม หรือเห็นผมเป็นถังขยะ โมโหมากๆ แต่ก็มีคำถามเต็มไปหมดว่า คนเหล่านี้ใช่คนไหม ผมทำผิดอะไรถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” แฟ้มเล่า

Advertisement
นายสรรพวัต พัดทอง (น้องแฟ้ม)

และ “พระคุณ” เด็กชายกับชีวิต 6 ปี ที่ไม่พูดกับใครแม้กระทั่งครอบครัว เพราะคิดว่า “ใครก็ช่วยเขาไม่ได้” เขาทุกข์ทรมานมากกับการเป็นคนที่เพื่อนไม่ต้องการ เพราะคิดว่าเขาเป็นตัวถ่วงที่ช่วยอะไรไม่ได้ เวลาทำงานกลุ่มเขาจะเป็นเศษที่เพื่อนไม่รับเข้ากลุ่ม กระทั่งตัดสินใจไปคุยกับพ่อ พ่อบอกเขาว่าให้ลองไปบอกเพื่อนตรงๆ ว่าเรารู้สึกอย่างไร และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ แม้ว่าเพื่อนอาจจะเลือกที่จะไม่สนใจเขาแบบเดิม หรืออาจจะหันมาช่วยเหลือเขา แต่จากความเป็นไปได้ 0% ก็จะมีความเป็นไปได้มากกว่า 1% ที่จะดีขึ้น ซึ่งหลังจากที่ได้คุยกับเพื่อนๆ ก็พบว่าความทุกข์ที่แบกไว้ไม่หนักเท่าเดิมแล้ว

พระคุณ (กลาง)

คนแบบไหน จิตใจแบบไหน ถึงจะมีความสุข

ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทย กล่าวไว้อย่างน่าประทับใจว่า สิ่งที่เรียกว่าความสุข ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทอง ยศถาบรรดาศักดิ์ ถ้าหากว่าใจของเรามีความสุข ไม่มีเงินเราก็สามารถมีความสุขได้ ทว่าหลายครั้งที่มีเงื่อนไขพอที่จะมีความสุขแต่ก็ใช้ชีวิตแบบทุกข์มากก็มี

ก็เหมือนกับมุมมองของ “ผู้บูลลี่” และ “ผู้ถูกบูลลี่” ที่แม้จะมองภาพๆ เดียวกัน คนหนึ่งอาจจะมองเห็นเป็นภาพสาวสวย ส่วนอีกคนเห็นเป็นภาพหญิงชรา เพราะเห็นไม่ตรงกันแบบนี้ ก็เลยเกิดการทะเลาะ ถกเถียง และนำไปสู่ความทุกข์ทรมาน

“ผมได้ลองคิดมาเรื่อยๆ ว่าสาเหตุการบูลลี่มาจากอะไร เริ่มจากการไม่เห็นตัวเองอย่างชัดเจน ไม่เห็นว่าเราเองอ่อนแอมาก ส่วนใหญ่คนที่ถูกบูลลี่จะเกลียดคนที่บูลลี่มากๆ เพราะจิตใจไม่อยากยอมรับว่าเราอ่อนแอแบบที่เขาพูด พยายามสู้ และมีใจอยากเอาชนะคนที่บูลลี่ให้ได้ ปัญหามากมายจึงเกิดขึ้นจากการไม่รู้ใจตัวเอง และแน่นอนก็คือไม่รู้ใจของผู้อื่น เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาในสังคมบ่อยๆ แต่ปัญหามากมายก็เกิดขึ้นเพราะชอบดูถูกกัน ทั้งๆ ที่ควรจะช่วยเหลือกัน ตัดสินคนด้วยสายตาของตัวเอง จึงคิดไม่ได้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดด้วย”

“คนอย่างแกจะอยู่ไปทำไม-ไม่ต้องมีแกก็ได้” เป็นคำพูดแบบนี้ที่ชอบสาดใส่กัน

ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม (ซ้าย)

หลายๆ คน แม้ร่างกายปกติแข็งแรง หน้าตาดี ฉลาด แต่หากในใจเต็มไปด้วยความอิจฉา ความเกลียด คนเหล่านั้นก็ “พิการทางใจ” คนที่ใจร้ายที่สุดในโลกคือคนที่เกลียดและต่อว่าคนอื่นได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่เราเริ่มมีใจขอบคุณคนรอบข้าง เราก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ สิ่งสำคัญคือ “ถ้าเราได้เห็นจิตใจตัวเอง เราก็จะมีความสุข”

ก่อนจะเริ่มทะเลาะลองถอยออกมาคนละก้าว มองในมุมของอีกฝ่าย บางทีปัญหาของเขาอาจจะคล้ายกับปัญหาของเราก็ได้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image