หมอเด็ก แนะ ‘เล่านิทาน’ แบบไหน ลูกได้ประโยชน์สูงสุด ได้เปิดความคิด จินตนาการ
หลายคนคงทราบประโยชน์การเล่านิทาน หรืออ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังว่ามีประโยชน์มากแค่ไหน เนื่องในงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20” จัดขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 เมษายน 2565 เวลา 10.00-21.00 น. ณ สถานีกลางบางซื่อ
มาย้ำถึงประโยชน์นี้อีกครั้ง กับวิธีเล่านิทานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เป็นสาระน่ารู้โดย ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำผ่านเพจ เลี้ยงลูกตามใจหมอ ความตอนหนึ่งว่า มีงานวิจัยที่นำเสนอในที่ประชุมนานาชาติน่าาสนใจมากเกี่ยวกับ “การตอบสนองของสมองเด็ก” ต่อ “สิ่งกระตุ้น” นั่นคือ “นิทาน”
โดยเอาเด็ก 27 คนอายุเฉลี่ย 4 ขวบมาเข้าเครื่อง functional MRI เพื่อดูการตอบสนองของสมอง ตอนฟังนิทาน 3 แบบ
-
- มาเป็นเสียงเล่า (ใช้เสียงเล่านิทานอย่างเดียว)
- หนังสือนิทาน +เสียง (illustration with voice over)
- การ์ตูน animation
เขาพบว่า แบบแรก คือ “เล่าให้ฟังอย่างเดียว” สมองส่วนรับรู้ภาษาจะตอบสนองเพียงส่วนเดียวเป็นหลัก โดยไม่ค่อยเชื่อมโยงออกไปที่สมองส่วนอื่น (too cold) นั่นหมายความว่า “เด็กอาจจะพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน” ซึ่งอาจจะไม่ได้เข้าใจมากนัก
แบบที่สาม คือ มาเป็นภาพ animation มีเสียงมีภาพเป็นหนังการ์ตูนให้เด็กดู พบว่า สมองส่วน “ฟัง รับรู้ภาษา” และสมองส่วน “มองเห็น” ตอบสนองอย่างมาก คลื่นสมองวิ่งวุ่นไปหมด (too hot) แต่ไม่เชื่อมโยงไปยังสมองส่วนอื่น ๆ นัก นั่นหมายความว่า
“สมองส่วนการรับรู้ภาษา พยายามอย่างยิ่งที่จะรับและติดตามเนื้อเรื่องของนิทานอย่างมาก ต้องพยายามแปลทั้งภาพและภาษาที่ได้รับพร้อม ๆ กัน”
ซึ่งแย่ที่สุด ในทั้งสามแบบครับ ในแง่ความเข้าใจและการเรียนรู้
การศึกษานี้เขาพบว่า #หนังสือนิทานดีที่สุด
เขาพบว่า ยามที่เด็กเห็นภาพ “สมองส่วนภาษามีการทำงานลดลง” อย่างชัดเจน เพราะแทนที่เด็กจะไป “จดจ่อ” กับทุกคำที่ได้ยิน รูปภาพนิ่งกลับเป็นหลักยึดเนื้อเรื่องให้เข้าใจได้โดยง่ายครับ
นอกจากนั้น ยังพบว่า สัญญาณประสาทเกิดความเชื่อมโยงไปยังสมองส่วนต่าง ๆ มากที่สุดด้วยภาพนิ่ง (หนังสือนิทาน)
ที่สำคัญ ภาพนิ่ง (หนังสือนิทาน) เปิดความคิด และจินตนาการได้มากกว่ามากครับ จนบางครั้ง ตอนเด็กเริ่มโตขึ้น เพียงแค่ยื่นหนังสือนิทานให้ เด็กก็เข้าใจได้เอง และต่อยอดต่อได้เองเสียด้วยซ้ำครับ บางบ้านลูกเล่าให้พ่อแม่ฟังเสียด้วยซ้ำครับ
รักลูก อ่านนิทานให้ลูกฟังทุกวันนะครับ รักลูก อย่าเพิ่งให้ลูกดูหน้าจอใด ๆ ก่อนสองขวบ หากทำได้ (ซึ่งยากมาก) เอายาวๆ ถึง 6 ขวบได้จะดีมากครับ
หากไม่ไหว หลังสองขวบ ดูแบบจำกัดเวลาและชนิดของสื่อ (พ่อแม่ต้องเลือกให้) และต้องดูด้วยกันเสมอ (บ้านพ่อหมอก็อาจจะเป็นทางเลือกนี้ ยังงง ๆ อยู่)