ด้วยน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และต้องการเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณีของไทย รวมทั้งเข้าชมพระเมรุมาศและอาคารประกอบจัดสร้างอย่างสมพระเกียรติ จึงเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างบริเวณโดยรอบ ประกอบด้วยนิทรรศการ “พระเมรุมาศพิมานนฤมิต (การสร้างสรรค์พระเมรุทองอันเสมือนพระวิมานที่ยิ่งใหญ่) สรรพศาสตร์ ศิลป์พร้อม น้อมถวายพระราชาผู้ทรงธรรม” บอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังและขั้นตอนการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบ ตลอดจนงานบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ และ นิทรรศการ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์” บอกเล่าเรื่องราวของในหลวง ร.9 ผ่านพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ทั้งนี้ มีประชาชนให้ความสนใจและพาบุตรหลาน ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ มารอเข้าชมเป็นจำนวนมาก
ด.ช.ณัฐพงศ์ กรวดแก้ว หรือ ณัฐ ชั้น ม.2 โรงเรียนภาษานุสรณ์บางแค กรุงเทพฯ ซึ่งกำลังถ่ายภาพนิทรรศการอย่างสนใจ เล่าด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า คุณแม่เคยพามาดูพระเมรุมาศครั้งหนึ่งแล้ว แต่อยู่รอบนอก มาครั้งนี้ได้เข้ามาด้านในจึงตื่นเต้นและดีใจมาก ทั้งนี้ ชอบการออกแบบแผนผังจัดวางอาคารต่างๆ ที่ทำได้ยิ่งใหญ่อลังการ และชอบงานจิตรกรรม โดยเฉพาะการปั้นสัตว์ป่าหิมพานต์ ที่มีรูปกายสวยแปลกตา ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ผมได้น้อมนำคำสอนของในหลวง ร.9 มาใช้ อย่างเรื่องการประหยัดอดออม เงินที่คุณแม่ให้ไปใช้ที่โรงเรียนจะแบ่งเก็บใส่กระปุกทุกวัน จนตอนนี้เงินเก็บก็เริ่มมากแล้ว” ด.ช.ณัฐพงศ์กล่าว
เด็กๆ ต่างให้ความสนใจถ่ายรูปร่วมกับรูปปั้นคุณทองแดงและคุณโจโฉ ที่ตั้งอยู่หน้าพระที่นั่งทรงธรรมเป็นอย่างมาก
เดินมาที่ศาลาลูกขุน เจอกลุ่มนักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร กำลังถ่ายรูปเก็บข้อมูลงานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ โดย นายกณวรรธน์ ราษฎรนิยม ชั้นปีที่ 2 พร้อมรุ่นน้องปี 1 นายธนธัช จันทร์ลา นางสาวจิราภา แสนมิตร และ นางสาวกษิมล ธีระวรวงศ์ เล่าร่วมกันว่า ด้วยความชื่นชอบงานประติมากรรม และเป็นความรู้ส่วนหนึ่งในการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะไทย จึงเข้ามาชมและเก็บข้อมูลงานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ ซึ่งไม่มีโอกาสจะเห็นได้ง่ายๆ โดยมาแล้วได้ชมงานศิลป์ส่วนอื่นๆ ก็ยิ่งชื่นชอบ อาทิ พระจิตกาธาน พระโกศจำลองที่นำมาจัดแสดง ซึ่งงดงามมาก
“พวกเราเป็นเพียงนักศึกษา อาจจะทำอะไรเพื่อพระองค์ได้ไม่มากนัก แต่สิ่งที่ทำได้คือ ตั้งใจเรียนและรู้จักหน้าที่ตัวเอง ในอนาคตหากมีโอกาสก็อยากทำอะไรเพื่อสังคม ทั้งนี้ พวกเราได้น้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้คือ ความพอเพียง ซึ่งในที่นี้ไม่ได้ใช้ในการทำไร่ทำนา แต่เราประยุกต์กับการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุและผล” 4 นักศึกษา ม.ศิลปากรเล่าด้วยรอยยิ้ม
ในขณะที่ นางสาวมนัสนันท์ เตชสุวงศ์วรรณ และเพื่อนๆ นักเรียนชั้น ม.2 จากโรงเรียนสตรีบูรณวิทย์ กรุงเทพฯ เผยว่า ขณะที่ชมพระเมรุมาศและบริเวณรอบๆ อย่างใกล้ชิด คิดถึงในหลวง ร.9 มาก เพราะรู้สึกผูกพันกับพระองค์ตั้งแต่ยังเด็ก และชื่นชมในความตั้งใจและความสามารถของผู้อยู่เบื้องหลังการจัดสร้างพระเมรุมาศทุกฝ่ายที่ทำให้พระเมรุมาศสมพระเกียรติได้มากเพียงนี้
“เมื่อได้มาเห็นพระเมรุมาศแล้ว รู้สึกทึ่งมาก ด้วยระยะเวลาไม่นาน แต่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ออกมาสมพระเกียรติมากขนาดนี้ และเห็นมาตลอดว่ามีคนมาเข้าแถวรอเพื่อจะเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ตลอดจนวันพระราชพิธีฯ ทำให้รู้ว่าทุกคนมาเพราะรักพระองค์” มนัสนันท์กล่าว และว่า “แม้เวลาผ่านไป แต่ทุกคนไม่ลืมในหลวง ร.9 แน่นอน ในอนาคตถ้ามีลูกมีหลาน จะเล่าเรื่องในหลวง ร.9 ให้ฟัง ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นศูนย์รวมใจชาวไทยมาโดยตลอด”
ประกอบกับกลุ่มนักศึกษาที่เพิ่งเสร็จจากการเดินชมพระเมรุมาศ และหยุดถ่ายรูปเพื่อเก็บเป็นภาพความทรงจำอันทรงคุณค่าของครั้งหนึ่งในชีวิต
นายวรรณสิน ศรีษะเกตุ และเพื่อนๆ น.ศ.ชั้นปีที่ 2 ม.ศิลปากร เล่าว่า ในขณะที่เดินชมพระเมรุมาศและนิทรรศการต่างๆ ในใจรู้สึกตะลึงในความงดงามสมพระเกียรติ และทั้งหมดนี้คือฝีมือคนไทย แต่ก็เป็นความรู้สึกตื้นตันปนเศร้า
“จากนี้และตลอดไป พระองค์จะเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ในใจของคนไทย และในอีกมุมหนึ่ง เรื่องราวของพระองค์จะถูกเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงทิ้งไว้ให้คนไทยนั้นมากมาย โครงการในพระราชดำริของพระองค์กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่ทุกคนน้อมนำไปใช้ ดังเช่นตัวผมและครอบครัวที่ได้น้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เราทำสวน ปลูกพืชผักจนกลายเป็นแปลงต้นแบบให้คนอื่นๆ ได้มาศึกษาต่อ เป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจมากครับ ที่ได้สานต่อพระราชปณิธานของพระองค์ แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม” วรรณสินกล่าวทิ้งท้าย
นิทรรศการพระเมรุมาศ นิทรรศการอันทรงคุณค่า ที่คนไทยภาคภูมิใจ
