‘สงกรานต์’ แบบมันส์ๆ อีกมุม ‘คนรุ่นใหม่หัวใจประชาธิปไตย’

พวกเขาเป็น “คนรุ่นใหม่” พวกเขาออกมา “เคลื่อนไหวทางการเมือง”

พวกเขาดูเป็น “เด็กแสบ” ในสายตาของใครบางคน

หากจะว่าไป เราเห็นแต่พวกเขาในวิถีของการเรียกร้อง “ประชาธิปไตย”

ทั้งที่ในอีกมุมหนึ่ง พวกเขาคือ “วัยรุ่น” ที่ยังคงสนุกสนานกับชีวิต ชอบจะเฮฮาปาจิงโกะกับเพื่อนๆ ไม่ใช่มีแต่เรื่องซีเรียส คร่ำเคร่ง อย่างภาพที่เราเห็นตามสื่อต่างๆ จนชินตา

Advertisement

สบโอกาส “สงกรานต์” ปีนี้ เราไปตามส่องมุมชิล..ชิล เบาๆ ตามประสาวัยรุ่นของพวกเขากันบ้างดีกว่า

เริ่มต้นที่ “จ่านิว” สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แนวน่วมเครือข่ายประชาชนคนอยากเลือกตั้ง บอกว่าสงกรานต์สำหรับเขาเป็นช่วงวันหยุดยาว ที่จะได้มีโอกาสเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนครอบครัว หรือไม่ก็เดินทางไปสถานที่ต่างๆ สงกรานต์ทำให้เรามีโอกาสได้รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในครอบครัว ขอโทษ ขอขมา และพูดคุยกัน ถือเป็นเทศกาลที่ทำให้ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กันลึกซึ้งอย่างแท้จริง มากกว่าจะมองว่าเป็นปีใหม่ไทย ที่มองว่านั่นคือวันที่ 1 มกราคมต่างหาก

Advertisement

“ในวันสงกรานต์ผมจะชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยเฉพาะบ้านญาติที่โคราช แล้วเลยไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อที่ขอนแก่น บางปีก็ไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่เชียงใหม่บ้าง แล้ววันที่ 16 เมษายนเลยไปเล่นต่อที่ สปป.ลาว ซึ่งเขาเล่นกันแค่วันเดียว ช่วงเช้าคือเข้าวัดทำบุญ พอช่วงบ่ายและเย็นก็เล่นน้ำกันเต็มที่จริงๆ จนบางครั้งอาจ

มองว่ารุนแรงกว่าไทย แต่ขณะเดียวกันก็มองว่าเป็นโอกาสที่พวกเขาได้ปลดปล่อยจากความตึงเครียดต่างๆ”

เวลาไปเล่นสงกรานต์ จ่านิว จะชอบไปกับกลุ่มเพื่อนๆ ไปตามพื้นที่จัดงานสงกรานต์ต่างๆ มากกว่า จะซ้อนมอเตอร์ไซค์หรือนั่งหลังกระบะเล่น

“ตอนเด็กๆ ผมเคยเล่นแบบนี้ แต่มองย้อนกลับไป ผมว่ามันอันตรายมาก”

ส่วนสงกรานต์ปีนี้ จ่านิวแพลนไว้ว่าจะไปเล่นสงกรานต์ที่ขอนแก่น และเดินทางต่อไปยังเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อไปเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อนๆ สปป.ลาวหลายคนที่รู้จักกัน

“คิดว่าปีนี้น่าจะเป็นสงกรานต์แห่งความสนุกและสุขของคนไทยอีกหนึ่งปี” จ่านิวทิ้งท้าย

สิรวิชญ์ข้ามมาที่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่สงกรานต์ทุกๆ ปี จะต้องกลับไปบ้านที่ จ.ลำปาง เพื่อไปชมขบวนแห่ปี๋ใหม่เมือง ที่จะมีการแห่สลุงน้ำจากแม่น้ำวัง รวมถึงพระพุทธรูปของวัดสำคัญๆ ไปรอบๆ เมือง ทั้งยังมีการนำศิลปะพื้นบ้าน ศัสตราวุธล้านนา การฟ้อนดาบ รวมถึงแฟชั่นโชว์ จากบ้านดันดารา และสมาคมกะเทยมาร่วมงานด้วย

ซึ่งเพนกวินบอกว่าจะต้องกลับไปทุกปี ยกเว้นว่าจองตั๋วไม่ทันหรือติดงานต่างๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะไปเล่นน้ำที่สีลม เซ็นทรัลเวิลด์แทน

“แม้ว่าจะมาอยู่กรุงเทพฯนับ 10 ปี แต่สงกรานต์ลำปางก็มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ด้วยความเป็นเมืองเงียบๆ เมื่อเราไปก็จะไปจองซุ้มเล่นน้ำ ที่ญาติทุกคนจะมารวมตัวกัน และยังมีขบวนแห่ที่ จ.ลำปาง พยายามจัดใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาลง ส่วนปีนี้เมื่อไม่ได้ไปลำปางก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปเที่ยวสงกรานต์ที่ จ.ปราจีนบุรี บ้านของเพื่อน ซึ่งละแวกนั้นเป็นย่านที่มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่มาก ก็อยากไปดูบรรยากาศสงกรานต์ของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ว่าคนที่ไม่ได้กลับบ้านเขาอยู่อย่างไร” พริษฐ์เผย

พริษฐ์

ฟาก รังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ออกตัวก่อนเลยว่ากิจกรรมที่เขาทำเพื่อผ่อนคลายในวันที่มีอากาศร้อนๆ อาจจะฟังดูไม่ค่อยน่าสนใจ และไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวน่ะหนอนหนังสือตัวยง ส่วนมากจะเน้นการอ่านหนังสือเป็นหลัก โดยเฉพาะหนังสือประวัติศาสตร์ นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ อาทิ รุกสยาม ในนามของพระเจ้า ที่สะท้อนเรื่องราวในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่วนเรื่องที่กำลังอ่านค้างไว้อยู่คือเรื่อง อเมริกัน เฟิร์สต์ ที่เพียงเริ่มเรื่องมาก็รู้สึกชอบมากแล้ว เพราะเป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐอเมริกาในช่วงนั้นๆ

นอกจากนี้ รังสิมันต์ยังเผยอีกว่า บางครั้งก็มีกิจกรรมที่ออกไปแฮงก์เอาต์กับกลุ่มเพื่อนๆ บ้าง และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ชอบมาก คือ “การถ่ายรูป”

เมื่อถามว่าส่วนมากถ่ายรูปในสไตล์ไหน หนุ่มโรมก็ตอบด้วยเสียงปนเขินอายนิดๆ ว่า “ส่วนมากผมถ่ายรูปแฟน” ด้วยไลฟ์สไตล์ส่วนตัวเป็นคนชอบท่องเที่ยวอยู่แล้วด้วย เวลาไปท่องเที่ยวก็มักจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกตลอด ทั้งยังชอบที่จะถ่ายรูปวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละสถานที่ที่ได้ไปเยือน เพราะสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของสถานที่นั้นๆ

เรียกได้ว่ามีมุม “ศิลปิน” อยู่ไม่น้อย

และในช่วงสงกรานต์ของทุกปี หนุ่มโรมเผยว่า ปกติจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างจังหวัดบ้าง หรือไปเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อนๆ แต่ของปีนี้ขออุบไว้ก่อน เพราะยังไม่ได้แพลนเลยว่าจะไปเที่ยวไหน อาจจะไปท่องเที่ยวต่างประเทศก็เป็นได้

รังสิมันต์ โรม

ขณะที่ ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ ลูกเกด สมาชิกกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย เปล่งเสียงหัวเราะสดใสขึ้นมาเป็นลำดับแรก หลังจากถูกถามเรื่องวันสงกรานต์แบบสบายๆ ของเธอ

“สงกรานต์ของลูกเกดก็เหมือนกับคนทั่วไป เราเป็นวัยรุ่น มีมุมสบายๆ ไปเล่นน้ำเหมือนกับคนอื่น ไม่ได้มีแต่มุมเครียดๆ ขนาดนั้น”

ก่อนจะขยายความต่อว่า ด้วยความที่พ่อแม่เป็นชาวพุทธที่เคร่ง ปกติแล้วทุกปีก็จะไปชักบังสุกุลที่วัด และตระเวนเยี่ยมญาติที่อยู่ละแวกเดียวกัน ส่วนวันที่เหลือก็อาจไปเล่นน้ำ สีลมบ้าง ข้าวสารบ้าง

แต่สงกรานต์ที่ทำให้ลูกเกดประทับใจที่สุด ก็คงเป็นสงกรานต์เมื่อปี 2558 เธอเล่าว่า ด้วยความที่ทุกปีเราจะอยู่แต่ภาคกลาง แต่สงกรานต์ปีนั้น นักกิจกรรมยกพลขึ้น จ.เชียงใหม่ ที่อาจารย์ผู้ใหญ่ เช่น อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จัดกิจกรรมรดน้ำดำหัวเด็กๆ เป็นเชิงสัญลักษณ์ มีการผูกข้อไม้ข้อมือ จึงมีความหมายกับเรามากๆ

“หลังจากนั้นเมื่อเสร็จพิธี เราก็ออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ธรรมดา เพราะเราไม่เคยมา กลับถูกเจ้าหน้าที่ติดตาม ถ่ายรูปเรา และบอกเราตลอดว่าอย่าเคลื่อนไหว ตอนนั้นก็คิดว่าเราก็อยากมีความเป็นส่วนตัว อยากบ้าบอเป็นวัยรุ่น ทำให้ปีนั้นน่าจดจำว่า ทั้งสนุกและระแวงไปพร้อมกัน”

ส่วนสงกรานต์ปีนี้ของลูกเกดนั้น นอกจากจะทำกิจกรรมกับครอบครัวและแฟนหนุ่มแล้ว ก็อยากจะชวนป้าๆ ที่ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยกันตลอด 4 ปี มาร่วมเล่นน้ำด้วยกัน

“เพื่อขอบคุณที่พวกเขาดูแลเด็กๆ นักกิจกรรมเหมือนคนในครอบครัว” ลูกเกดทิ้งท้าย

ชลธิชา แจ้งเร็ว

อีกมุมหนึ่งของกลุ่มคนรุ่นใหม่หัวใจประชาธิปไตยที่หลายคนไม่เคยเห็น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image