ไปกันยัง! มหานครสกายวอล์ค ชมวิว ‘กรุงเทพฯ’ สุดอลังการ สูงสุดในไทย
เปิดตัวกันไปแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมาสำหรับ มหานครสกายวอล์ก (Mahanakhon Skywalk) บนตึกคิงพาวเวอร์มหานคร ใจกลางกรุงเทพฯ และสำหรับบทความนี้ “มติชน” มีโอกาสซื้อตั๋วเข้าชมความอลังการในวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่เป็นการเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้เข้าชมเป็นวันแรก
สำหรับการเดินทางมานั้นมาได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถไฟฟ้าบีทีเอส หากมารถยนต์ส่วนตัวสามารถนำมาจอดได้ที่ลาดจอดรถชั้นใต้ดินของตึกมหานคร แต่หากมารถบีทีเอส ก็ลงที่สถานีช่องนนทรีย์ ใช้ทางออกที่ 3
เมื่อเดินทางมาถึงสามารถซื้อตั๋วได้เคาเตอร์ชั้น G จะมีเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี สำหรับราคาตั๋วจริงๆแล้วจะมีสองราคา ราคา “อินดอร์” 850 บาท กับ ราคา “รวมเอาท์ดอร์ที่มีบาร์เครื่องดื่ม” ราคา 1,050 บาท แต่สำหรับเวลานี้มีโปรโมชั่นในราคาอินดอร์ลด 10% เหลือ 760 บาท สามารถเข้าชมได้ทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์บนดาดฟ้า อยู่ได้ทั้งวันยันเที่ยงคืน แถมเครื่องดื่ม 1 แก้ว+คูปองลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 100 บาท หลังจากชำระเงินรับคูปองก็ขึ้นลิฟท์ความเร็วสูงที่มีจอ 360 องศาให้ชมอนิเมชั่นโปรโมทการท่องเที่ยวกรุงเทพฯที่น่าตื่นตาตื่นใจ ใช้เวลาเพียง 50 วินาทีก็ขึ้นไปถึงชั้น 74 แล้วครับ
สำหรับบรรยากาศบนชั้น 74 ก็จะมีพนักงานให้การต้อนรับ ในวันที่ไปเป็นชั้นโล่งๆ สามารถเดินชมทิวทัศน์ได้ 360 องศา มีหน้าจออินเทอแรคทีฟ แผนที่กรุงเทพให้ดูด้วยเช่นกัน ซึ่งในชั้นนี้ก็มีมุมถ่ายภาพให้เลือกหลายมุมครับ
จริงๆแล้วไฮไลท์จะต้องขึ้นไปที่ชั้น 78 ซึ่งเป็น “จุดที่สูงที่สุดในกรุงเทพที่สามารถยืนได้” สูงจากพื้น 314 เมตร และไฮไลท์อยู่ที่ระเบียงพื้นแก้วที่น่าตื่นเต้น โดยจะต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 75 ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่พาขึ้นลิฟต์แก้วสู่ชั้นสูงสุดของตึกมหานครครับ
สำหรับจุดชมวิวเปิดให้ชมตั้งแต่ 10.00น. ไปจนถึง 24.00น. แนะนำว่าไปช่วงเย็นเพื่อให้ทันเวลาพระอาทิตย์ตก บรรยากาศบนนั้นก็จะมีนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ รวมไปถึงมีช่างภาพพร้อมเลนส์ขนาดใหญ่ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่นั้นยังคงอนุญาตให้สามารถนำขาตั้งขึ้นไปด้วยได้ โดยรวมแล้วถือว่าคนไม่เยอะไม่ได้เบียดเสียด เดินชมวิวได้สบายๆ
ไฮไลท์ของชั้นสูงสุดแห่งนี้ก็คือ Skywalk พื้นกระจก Glass Tray ที่เค้าว่าใหญ่ที่สุดในโลก เอาจริงๆคือใหญ่กว่าสนามตระกร้อนิดหน่อย เวลาขึ้นไปยืนเจ้าหน้าที่จะมีถุงหุ้มรองเท้าให้สวม กระเป๋า มือถือ กล้อง ที่มันจะร่วงใส่พื้นกระจกได้ พนักงานห้ามเอาเข้าไปบนกระจก จะถ่ายรูปต้องวานให้เพื่อน พนักงาน หรือนักท่องเที่ยวช่วยถ่ายให้เราจากด้านนอก ทางที่ดีก็หาเพื่อนไปด้วยก็จะดีมากครับ
สำหรับช่วงเวลาที่มีความสวยงามจะเป็นช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก ที่มองไปทางทิศตะวันออกจะมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาสะท้อนสีทองสวยงาม
สำหรับช่วงกลางคืนก็จะเป็นบรรยากาศที่สวยงามอีกแบบหนึ่ง ถ้าถ่ายวิวก็แนะนำให้พกขาตั้งกล้องไปด้วยส่วนถ้าจะถ่ายกันเอง ด้านบนจะค่อนข้างมืดใช้แสงไฟ led จากมือถือช่วยเปิดหน้าเวลาถ่ายกับวิวก็โอเคครับ สำหรับจุดชมวิวแห่งนี้เปิดถึงเที่ยงคืน โดยจะเปิดให้คนขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 5 ทุ่มครับ
หลังจากถ่ายรูปหนำใจแล้วขาลง ลิฟท์จะพาเราลงไปชั้น 4 จะเจอกับโซนร้านค้า Duty Free ของ King Power ส่วนนี้มีให้เดินช็อป 3 ชั้น มีสินค้าแบรนด์ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ มีราคาแบบป้ายสีฟ้าที่ซื้อแล้วสามารถเอากลับบ้านได้เลย กับแบบป้ายสีขาวที่ซื้อแล้วต้องไปเอาที่สนามบิน หากจะซื้อชิ้นไหนก็ลองถามๆพนักงานดูได้ และในส่วนชั้นล่างสุดก็จะมีร้านขายของที่ระลึก เก็บความประทับใจกลับบ้านได้ด้วยครับ