ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
เผยแพร่ |
เสน่ห์ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมคือการได้เรียนรู้วิถีของท้องถิ่นในแบบที่เขาเป็น เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคนในพื้นที่ ไปซึมซับกับความไมตรี เรียนรู้ในความต่างของวัฒนธรรมอย่างให้ความเคารพ
เช่นที่ “บ้านโป่งลึกและบางกลอย” บนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่ยังเป็นชุมชนที่อนุรักษ์วิถีวัฒนธรรมไว้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อรวมกับธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ของป่าแก่งกระจาน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ
ล่าสุด อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานร่วมกับสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ เปิดมิติใหม่การท่องเที่ยวธรรมชาติและมรดกวัฒนธรรมกะหร่างแก่งกระจาน เป็นทางเลือกใหม่เพื่อพัฒนาอาชีพชาวกะหร่างโป่งลึก-บางกลอย
การัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ บอกว่า ปิดทองหลังพระฯได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อศึกษาและพัฒนาต้นแบบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมของชาวกะหร่าง ที่บ้านโป่งลึกและบางกลอย ซึ่งในขณะนี้เข้าสู่ปีที่สองและชุมชนมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว
“ชาวบ้านเองก็มีความดีใจที่จะเข้าสู่บริการด้านท่องเที่ยว เพราะภูมิใจที่จะนำเสนอวัฒนธรรมของเขา เด็กเล็กและเยาวชนก็กระตือรือร้นเข้ามาเรียนรู้ด้านดนตรีและการแสดงจากผู้ใหญ่”
ดังนั้น กลุ่มท่องเที่ยวบ้านโป่งลึก บางกลอย จึงมีชาวบ้านเข้าร่วมกิจกรรม 184 ครัวเรือน หรือคิดเป็น 100% ของประชากรที่อาศัยอยู่ประจำในป่าแก่งกระจาน ทั้งนี้ได้ร่วมกันจัดโครงสร้างการทำงานในด้านต่างๆ ประกอบด้วย กลุ่มล่องแพ 43 คน กลุ่มแม่บ้าน 29 คน กลุ่มกางเต็นท์ 26 คน กลุ่มกล้วยตาก 13 คน กลุ่มการแสดงและดนตรี 34 คน เป็นต้น
ด้าน ผศ.ดร.สุพรรณี บุญเพ็ง อาจารย์ประจำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ดำเนินงานโครงการบอกว่า การทำงานในกิจกรรมต่างๆ ของพื้นที่บ้านโป่งลึก และบ้านบางกลอย จะดำเนินการไปอย่างเหมาะสม ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบเพื่อป้องกันปัญหาจากบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาหาประโยชน์จากการท่องเที่ยววิถีชุมชนในรูปแบบธุรกิจมากเกินไป ชุมชนต้องมีการสร้างเอกลักษณ์ที่เป็นของตนเอง
บ้านโป่งลึกและบ้านบางกลอยเป็นพื้นที่ต้นแบบการประยุกต์แนวพระราชดำริเพื่อพัฒนาพื้นที่โดยปิดทองหลังพระฯ ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและหน่วยงานราชการในพื้นที่พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ โดยจัดหาแหล่งน้ำเพื่อทำการเกษตร ปัจจุบันมีพื้นที่ที่มีน้ำใช้ตลอดปีจำนวน 454 ไร่ และยังสามารถนำน้ำมาใช้ในการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนด้วย และเกษตรกรมีรายได้จากการทำการเกษตรและพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงที่โครงการส่งเสริม เช่น ทุเรียน กาแฟ โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 1.8 ล้านบาท
“ที่นี่มีจุดเด่นของการท่องเที่ยวคือโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวปกากะญอ (กะหร่าง) ที่ยังคงรักษาไว้อย่างดั้งเดิม ทั้งบ้านเรือน อาหาร การแต่งกาย ประเพณี และการละเล่น ทั้งยังมีทุนทางธรรมชาติที่งดงาม สามารถมีกิจกรรมล่องแพแม่น้ำเพชรบุรีได้ดีด้วย”
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะได้ร่วมกิจกรรมกับชาวบ้าน เช่น การล่องแพไม้ไผ่ในแม่น้ำเพชรบุรี ชมการแสดงดนตรี รับประทานอาหารพื้นเมือง ชิมกาแฟ กะหร่าง เป็นต้น
ทั้งนี้ ในการสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวของชุมชน อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานรับเป็นศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายนักท่องเที่ยวอย่างทั่วถึง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทร 09-1050-4461 และ 0-3277-2311 ในเวลาราชการ