ชิมชิล-ชิล : Holey Artisan Bakery

ตอนแรกคิดว่าจะรอไม่เขียนถึงร้านนี้ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ ซึ่งเป็นข่าวสะเทือนขวัญเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว

ร้านอาหารที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีจนมีผู้เสียชีวิตร่วม 20 คน คือร้าน Holey Artisan Bakery ตั้งอยู่ในย่านสถานทูต และเป็นร้านที่ได้รับความนิยมสูงจากลูกค้านานาชาติที่พักอาศัยในบริเวณ

ธรรมดาถ้าได้ยินข่าว เราจะ “ตกใจ” กันชั่วขณะ แต่เนื่องจากเรื่องเกิดขึ้น “ไกลตัว” คนส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตตามปกติต่อไป ขนาดระเบิดสนั่นที่ศาลพระพรหม จะกังวลวันสองวัน และเมื่อไม่มีคนที่เรารู้จักบาดเจ็บหรือล้มตาย ความไม่สบายใจย่อมคลายไปตามเวลา

สำหรับเหตุการณ์ที่กรุงธากาครั้งนี้ ผมรู้สึกแตกต่างจากที่เคย เพราะ “ใกล้ตัว” กว่าที่คิด ด้วยผมรู้จักเจ้าของร้าน คือ “นาซิรูล อาลัม โพรัก – Nasirul Alam Porag” มีบ้านเกิดที่บังกลาเทศ แต่ที่ผ่านมาใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในมหานครนิวยอร์ก

Advertisement

“นาซิรูล” เป็น “ลูกค้าประจำ” ที่ร้านของผมมาสักสองเดือนเศษๆ น่าจะได้ เขามาเปิดร้าน “สาขา” ของ “โฮลี่” ในซอยสุขุมวิท 31 คุยกันถูกคอ และผมเพิ่งนั่งสัมภาษณ์เพื่อเขียนคอลัมน์นี้กับเขาผ่านมาเพียงไม่กี่วันโชคดีที่เขาอยู่เมืองไทยในช่วงเกิดเหตุร้ายวันที่ทราบข่าว “สีหน้า” เขากังวลไม่สบายใจ ส่วนผมเอง “ช็อก” ไปพัก ได้แต่แสดงความเสียใจ

ในใจคิดว่า ถ้าเป็นร้านเราเองเราจะเป็นอย่างไร ลูกค้าที่มาใช้บริการซึ่งเป็นลูกค้าประจำ เห็นหน้ากันทุกวัน พูดคุยกันจนเป็นเพื่อน ลูกน้องที่ทำงานอีก ถ้าเกิดเหตุคง “รับไม่ได้” เช่นกัน

Advertisement

“นาซิรูล” ปิดร้านที่กรุงเทพฯไปสามวัน โดยมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเขาจะบินกลับบ้านไป “จัดการ” กับสถานการณ์ ผมนึกไม่ออก จินตนาการไม่ได้จริงๆ ว่าต้อง “ทำอะไรบ้าง” ตลอดจน “ความทุกข์ใจ” ของญาติพี่น้องผู้ที่สูญเสีย และตัว “นาซิรูล” เอง

ขอแสดงความเสียใจ และไว้อาลัย ต่อการสูญเสียของทุกคน ณ ที่นี้อีกครั้ง

ตั้งต้นจึงคิดจะไปเขียนถึงร้านอื่นก่อน แต่นึกขึ้นได้ว่า “การก่อการร้าย” นั้น ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Terrorism” ที่ใช้ “ความกลัว” เป็น “อาวุธ” จุดมุ่งหมายคือ การทำให้คน “กลัว” และ “ทำลาย” วิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ดังนั้น เราจะ “แพ้” ก็เมื่อเรารับสภาพ เกิดความกลัว ตามหลักที่อ่านเรียนมานั้น จะ “ชนะ” Terrorism มีวิธีเดียว คือ ด้วยการทำให้ผู้ก่อการร้ายเห็นว่าพวกเขาไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ความกลัวไม่ได้เกิด และเราพร้อมจะเดินหน้าใช้ชีวิตอย่าง “ปกติ” โดยไม่เป็น “ทาส” ของความหวาดกลัวนั้น ผมจึงตัดสินใจเขียนต่อ

Holey Artisan Bakery เป็นร้าน “ขนมปัง” คุณนาซิรูลเองเป็นนักธุรกิจ ประสบความสำเร็จ และครอบครัวมีกิจการที่มั่นคง ที่ทำร้านขนมปังด้วย “ใจรัก” และเมื่อเริ่มแล้ว ทำออกมาได้ดี รสชาติถูกใจทั้งตัวเองและลูกค้า ก็อยากให้คนอื่นได้ลองชิม ได้ลิ้มรสของอร่อยๆ จึงคิดขยายสาขา มาตั้ง “ฐาน” ที่กรุงเทพฯ และในอนาคตจะกระโดดไป “เออีซี” ประเทศอื่นๆ

คนเอเชียรวมทั้งคนไทยมีวัฒนธรรมกิน “ข้าว” มากกว่า แต่ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ๆ รับวิถี “ตะวันตก” มากขึ้น “ขนมปัง” จึงกลายเป็น “อาหาร” ด้วย ยิ่งประเภท “แซนด์วิช” สะดวกต่อการ “พกพา” คนทำงานจึงนิยมขนมปังมีไส้มากขึ้น รวมถึงวัยรุ่นเด็กนักเรียนที่กิน “ฮันนี่โทสต์” และ “เฟรนช์โทสต์” ราดน้ำผึ้งน้ำเมเปิล โปะครีม จึงไม่แปลกใจที่เห็น “ร้านขนมปัง” เปิดขึ้นมากมาย

ขนมปังที่อร่อย ต้องมีความเหนียวพอควร มีเนื้อ (Texture) ที่ไม่ร่วน และมีรสชาติสดใหม่ ร้านที่ประสบความสำเร็จต้องทำทุกวัน ขายวันต่อวัน ไม่หมดจะมีการขายลดราคาช่วงเย็น หรือบริจาค และแบ่งกันกินไป คุณสมบัติทั้งหมดนี้ไม่ต้องโฆษณา “โฮลี่” มีครบถ้วน

และนาซิรูลให้ความรู้ใหม่กับผมด้วย คือ ขนมปังที่อร่อยต้องมี “รู” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน “Hole Holey” ผมเองไม่ค่อยเข้าใจทางเทคนิค แต่วิธีการที่ทำ การใช้ยีสต์ที่เลี้ยงมานาน การนวดแป้งจนขนมปังเข้าอบและฟู

มีรูอากาศผ่าน เนื้อขนมปังจะเหนียวพอดี เคี้ยวมัน มีรสชาติ ไม่ใช่แบบพวกขนมปังที่เป็นแผ่นทึบทำจากโรงงาน

เครื่องอบที่ทันสมัย ทำโดยคนทำขนมปัง “Baker” จากอังกฤษ คุณมอริส – Morris Chaplaise ซึ่งมี “Passion” ไม่แพ้นาซิรูล มีทั้งบาเก็ต (Baguette) ครัวซอง (Croissant) ทั้งครัวซองเนย และไส้นานาชนิด ที่ผมชอบคือ “ช็อกโกแลตครัวซอง” ขนมพวกทาร์ต (Tart) และพาย (Pie) ขนมปังไส้กรอก (Sausage Roll)

ที่ร้านนั่งสบาย มีเครื่องทำกาแฟทันสมัย นั่งจิบให้ลืมความ “ทุกข์โศก” และความ “เลวร้าย” ในโลกได้ชั่วขณะ!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image