“Opera” ลิ้มรสอาหารอิตาเลียนแท้ อร่อยเหมือนอยู่ “อิตาลี”

“Opera” ลิ้มรสอาหารอิตาเลียนแท้ อร่อยเหมือนอยู่ “อิตาลี”

หลังประตูทองเหลืองแวววาวบานใหญ่ ภายใน คือ ร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรู “Opera Italian Restaurant” ซึ่งเป็นการยกระดับจากร้านเดิม L’Opera ให้มีความกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น เริ่มจากครัวสไตล์อิตาเลียนแบบเปิดโล่ง เผยให้เห็นเซฟมากประสบการณ์ในระดับภูมิภาค ที่สามารถผสมผสานและมีไหวพริบในการสร้างสรรค์อาหารอิตาเลียนคลาสสิกให้มีความร่วมสมัยจากเมนูดั้งเดิมของห้องอาหารแห่งนี้ เกิดเป็นเมนูใหม่ ที่เป็นมากกว่าอาหารอิตาเลียนพื้นฐานทั่วไป ทุกจานถูกปรุงด้วยส่วนผสมสุดพรีเมียม

Advertisement

 

 

 

Advertisement

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ชิน เชกกินี ผู้จัดการทั่วไปของ Opera Italian Restaurant หนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาเลียน เผยว่า ชื่อเดิมของร้านคือ L’Opera เปิดมาตั้งแต่ 1983 เป็นร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังในกรุงเทพฯ แต่ต้องปิดให้บริการไปในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น เจ้าของใหม่ได้รีโนเวทร้านขึ้นมาอีกครั้งในชื่อ “Opera” โดยยังคงเมนูซิกเนอเจอร์ของร้านเดิมไว้ 3-4 เมนู นอกนั้นเป็นเมนูที่คิดขึ้นใหม่โดยฝีมือเชฟมากความสามารถ สไตล์อาหารเป็นอาหารอิตาเลียนแท้ๆ มีอาหารทุกภาคของอิตาลี ทั้งอาหารเหนือ อาหารใต้

“อาหารอิตาเลียนมีวาไรตี้เยอะมาก เป็นอาหารที่เรียบง่าย แต่รสชาติดี เราชอบใช้อินกรีเดี้ยนที่สดใหม่ ถ้าพูดถึงอาหารอิตาเลียน หลายคนจะคิดถึงสปาเก็ตตี้ พิซซ่า ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้มีเท่านี้ เรายังมีอาหารอีกหลายรูปแบบมากๆ อยากเชิญชวนให้ทุกคนมาทานอาหารอิตาเลียนที่ Opera ถ้าอยากทานอาหารที่เหมือนอยู่ที่อิตาลี ต้องมาที่ Opera” ผู้จัดการหนุ่มทิ้งท้าย

เควิน มอนโตร์ฟาโน่ หัวหน้าเชฟประจำร้าน เชฟผู้มีพรสวรรค์ในวัย 31 ปี เผยถึงเมนูอาหารแต่ละเมนูว่า เริ่มที่เมนูแรก “Burrata & ‘Nduja” บูราต้าจากอิตาลีซึ่งทำมาจากนมวัว ทานร่วมกับซอสมะเขือเทศ มอสซาเรลล่าชีส และผักที่เชฟผสมผสานผักของอิตาลีและไทยมามิกซ์ให้ทานด้วยกัน

ต่อด้วยเมนู “Risotto E Asparagi” ซึ่งอยู่ในเซ็ทอาหารกลางวัน ทำจากข้าวอิตาลี Vialone Nano Premium เป็นข้าวเม็ดเล็ก หน่อไม้ฝรั่ง และพาเมซานชีส 30 เดือน โรยหน้าด้วยผิวมะนาว ทานแล้วให้ความรีเฟรชชิ่ง เป็นเมนูไลท์ๆ ทานแล้วไม่อิ่มมาก รสชาติดี ไม่หนัก

อีกหนึ่งเมนูเซ็ทอาหารกลางวัน “Opera’s Garden Salad” สลัดผักหลากหลายชนิดทานคู่กับน้ำสลัดมะนาว

มาต่อที่เมนู “Spianata Al Mascarpone” รูปลักษณ์ของ “สเปียนาต้า” แม้ที่มีหน้าตาละม้ายพิซซ่า แต่ไม่ใช่ เชฟทำเมนูนี้ขึ้นจากแรงบัลดาลใจที่เห็นว่าคนไทยชอบกินชีส แต่การทานชีสไม่จำเป็นต้องโปะชีสไว้บนหน้าพิซซ่าอย่างเดียว เชฟจึงทำเป็นแป้งบางข้างบนและข้างล่าง ใส่มอสซาเรลล่าชีสไว้ตรงกลางเยอะๆ ท็อปด้วยแฮม และผักร็อคเก็ต ทานร้อนๆ ชีสจะยืด อร่อยมาก

สำหรับเมนู “POLPO E PATATE” ปลาหมึกสเปนย่างผัดกับซอสมะเขือเทศออร์แกนิกที่ต้องตุ๋นนานถึง 2 ชั่วโมงร่วมกับเครื่องเทศหลายอย่าง ใส่พริกเข้าไปนิดหน่อย เสิร์ฟคู่กับขนมปังกระเทียม เป็นอีกเมนูเบาๆ ที่ทานแล้วฟิน

ส่วนเมนู “Fritto Misto” เป็นเมนูของทอดที่มีทั้งกุ้ง ปลา และปลาหมึก เสิร์ฟพร้อมซอสทาร์ทาร์และมะนาวฝาน

เมนู “Tangliatelle Alla Bolognese” เป็นอาหารอิตาเลียน เส้นโฮมเมดนำมาปรุงกับหมูเนื้อและซอสโบโลเนสที่ใช้เวลาเคี่ยวนานถึง 5 ชั่วโมง เป็นจานคลาสสิคที่ทานแล้วทั้งอิ่มและอร่อย

มาถึงเมนูซิกเนอเจอร์ที่ใครมาทานที่นี่ต้องสั่งมารับประทาน “RIGATONI GRATINATI AL FORNOTHB” เส้นริกาโทนี่กับซอสมะเขือเทศและมอสซาเรลล่าชีส

ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานสตไล์อิตาลี ทั้ง ช็อคโกแลตเค้กทานคู่กับไอศกรีมโฮมเมด และมิวเฟย

นอกจากเมนูอาหารที่น่าประทับใจแล้ว บรรยากาศในร้านก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ภายในร้านได้รับการออกแบบและตกแต่งราวผลงานศิลปะ เริ่มตั้งแต่ผนังไม้ที่ประดับประดาด้วยภาพถ่ายย้อนยุคน่าหลงใหล สร้างบรรยากาศชวนให้นึกถึงห้องแสดงงานศิลป์ ที่ใจกลางร้านอาหารคือบาร์ขนาดใหญ่กำลังส่องแสงระยิบระยับ ที่นั่งกำมะหยี่สุดหรูไปจนถึงโคมไฟที่วิจิตรบรรจง ทุกรายละเอียดได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างบรรยากาศที่มีสไตล์และสะดวกสบาย เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารอิตาเลียนมื้อหรูได้เป็นอย่างดี

ร้านเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ พร้อมรองรับ Italian Food Lovers มีทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ท่ามกลางบรรยากาศเก๋ไก๋และหรูหรา ร้านตั้งอยู่ที่ 53, 1-2 ซอยสุขุมวิท 39 สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ใกล้ที่สุด : พร้อมพงษ์ มีบริการรับจอดรถในสถานที่ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00-24.00 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image