ถอดรหัส โควิด-19 รวบตึง ‘วิธีตรวจ’ ถึง ‘การรักษา’ จากผู้ติดเชื้อที่หายแล้ว

โควิด-19
โควิด-19

ถอดรหัส โควิด-19 รวบตึง ‘วิธีตรวจ’ ถึง ‘การรักษา’ จากผู้ติดเชื้อที่หายแล้ว

โควิด-19 /นับตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ที่องค์การอนามัยโลก ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่า พบผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง จำนวนไม่น้อยที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ก่อนพัฒนากลายเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 แพร่ระบาดในประเทศจีน และทั่วโลกในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน ผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก พุ่งทะยานสู่ 2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 แสนคนแล้ว

ในประเทศไทย พบผู้ป่วยผู้ติดเชื้อรายแรก เป็นหญิงชาวจีนวัย 61 ปี และถือเป็นคนแรกที่พบนอกประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 มกราคม ถัดจากนั้นไม่นาน ก็พบหญิงไทยวัย 73 ปี ติดเชื้อจากการเดินทางไปเที่ยวอู่ฮั่น ก่อนจะมีการแพร่ระบาด

จนกระทั่งวันที่ 13 มีนาคม “แมทธิว ดีน” นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ออกมาประกาศผ่านอินสตาแกรมว่า เขาได้รับเชื้อโควิด-19 หลังจากไปเป็นพิธีกรในสนามมวยลุมพินี ทำให้คนในวงการบันเทิงและวงการมวย ต่างเร่งออกไปตรวจหาเชื้อ และกักตัว 14 วัน เพื่อดูอาการ ภายหลังจากนั้น ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน ภรรยาของแมทธิว ก็ออกมาเปิดเผยว่าติดเชื้อโควิด

เช่นเดียวกับ “มิสเตอร์ป๋อง” พินิจ พลขัน พิธีกรรายการมวยคู่กับ แมทธิว ดีน ในวันนั้น ก็ออกมาแจ้งผลการตรวจเป็นบวกด้วยเช่นกัน พร้อมกันกับที่คนวงการมวยออกมาเปิดเผยว่าติดเชื้อ ขยายวงไปสู่แวดวงอื่นๆ ทั้งการเมืองท้องถิ่น วงการไก่ชน พร้อมกันกับการติดเชื้อจากคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ รวมถึงการติดเชื้อจากสถานบันเทิง ไม่นานนักยอดของผู้ติดเชื้อในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วประเทศหลายพันราย

Advertisement

ปัจจุบันนี้ มีผู้ป่วยโควิดจำนวนไม่น้อยที่หายป่วยจากโรคดังกล่าว ก่อนกลับมากักตัวอยู่บ้านอีก 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่พบเชื้อแล้ว และออกมาถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเขาระหว่างที่รักษาตัว เพื่อเป็นความรู้ให้กับสาธารณชน

ติดเชื้อ แม้แทบไม่แสดงอาการมาก

เป็นอีกหนึ่งกรณีที่เป็นที่สนใจของสังคม เมื่อนักแสดงสาว แพรวา-ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ ที่ออกมาเปิดเผยว่าติดเชื้อโควิด-19 ระบุว่ารู้สึกปวดหัว วัดไข้ได้ 36.5 องศา จึงกินยาแก้ปวดหัวแล้วนอน วันต่อมาไม่รู้สึกปวดหัวแล้ว แต่ยังรู้สึกตัวอุ่นๆ วัดไข้อีกครั้งได้ 37 องศา ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ กระทั่งตรวจพบว่าพบเชื้อไวรัสโคโรนา ที่โพรงจมูกและคอ ยังเป็นอาการขั้นแรกและเชื้อยังไม่ลงปอด หายใจได้ตามปกติ

Advertisement

แพรวาเผยอีกว่า ตอนที่อยู่โรงพยาบาลนั้น อาการเหมือนเป็นไข้หวัด มีน้ำมูก คัดจมูก เสมหะ ไอ ซึ่งแพทย์ได้จ่ายยาตามอาการ ไม่ได้รับยาต้านไวรัส เพราะเชื้อยังไม่ลงปอด จากนั้นโรงพยาบาลได้ทำการตรวจหาเชื้ออีก 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4 วัน เมื่อไม่พบเชื้อทั้ง 2 ครั้ง แพทย์จึงให้กลับบ้านได้ ทั้งกำชับว่าให้กักตัวต่อที่บ้านให้ครบ 21 วัน นับจากวันที่มีอาการ และให้ไปตรวจหาเชื้ออีก 1 ครั้ง ถือเป็นกรณีที่แทบไม่แสดงอาการแต่ตรวจพบเชื้อ

แพรวาบอกว่า โรคนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือสุขภาพใจ เพราะเป็นโรคใหม่ที่ไม่มีใครรู้ว่าอาการเป็นอย่างไร ทำให้วิตกได้ง่าย

 

 

สารพัดอาการ “โรคเจ้าเล่ห์”

แม้ว่าแพทย์จะให้ข้อมูลว่า อาการป่วยของโรคนี้ คือ มีไข้ 37.5 องศา ไอและมีน้ำมูก เหมือนเป็นไข้หวัดทั่วๆ ไป แต่…ผู้ป่วยโควิดหลายคนมีอาการแตกต่างเฉพาะกันไป

นราธิเบต ทองดำ หรือ เบส เชียงใหม่ หนึ่งในเซียนมวยที่ติดเชื้อ เปิดเผยว่า หลังจากเดินทางไปชมมวยรายการใหญ่ ได้ 3 วัน เขามีอาการปากแห้ง กระหายน้ำ ครั่นเนื้อครั่นตัว ทำให้เขารีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ

ส่วน สรายุทธ ร่างใหญ่ อีกหนึ่งเซียนมวย บอกว่า เขามีอาการตัวรุมๆ แน่นหน้าอก แม้ว่าจะวัดอุณหภูมิได้แค่ 36.8 องศาก็ตาม

ขณะที่ มิสเตอร์ป๋อง หรือ พินิจ พลขัน เผยว่าอาการของเขานั้นมีทั้งไอ จาม และยังปวดหัว มีครั่นเนื้อครั่นตัวแค่วันเดียว แต่ก็ไม่มีไข้เช่นกัน

ขณะที่ มวยหู เปาเปียวบางบัวทอง ชนได้ทุกหูที่หน้าตู้ 1 ในนักมวยที่ติดเชื้อ ก็บอกว่า โรคนี้นับเป็นโรคเจ้าเล่ห์ เพราะแม้อาการไม่ร้ายแรงเหมือนไข้หวัดใหญ่ แต่ขยายพันธุ์เร็ว อาการทั่วไปคล้ายๆ เป็นหวัด แต่มีอาการระคายผิวหนัง เหมือนไปตากแดด ปวดแสบปวดร้อนนิดๆ ทาครีมก็ยังไม่หาย มีน้ำมูกเหนียวๆ ติดที่โพรงจมูก ไม่เหมือนกับการเป็นหวัดทั่วไป ที่เขาจะมีน้ำมูกไหล นอกจากนี้ยังรู้สึกหายใจผิดปกติ หายใจไม่เต็มปอด แต่เพียง 15 นาทีอาการก็หายไปและรู้สึกว่ายิ่งตกเย็น อาการจะยิ่งมากขึ้น

ที่สำคัญคืออาการไข้ ที่เขาบอกว่า ตอนที่ไปถึงโรงพยาบาลเขามีไข้ 38.5 องศา แต่เมื่อกินน้ำอัดลมไป 2 แก้ว ไข้ก็ลดลงเหลือ 36 องศา เป็นอาการไข้ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ได้อยู่นานเหมือนไข้หวัดใหญ่ หรือไข้เลือดออก จึงควรมีปรอทไว้วัดไข้ทุก 2 ชั่วโมง

พินิจ
เบส เชียงใหม่

วิธีการตรวจ

มวยหู เปาเปียวบางบัวทองฯ เล่าว่า เมื่อมีอาการวันแรกในวันที่ 2 เขารู้สึกไม่สบายตัว ทำให้รีบเดินทางไปตรวจที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องเสียเงิน 5,500 บาท เขาจึงไม่ได้ตรวจและกลับไปเช่าโรงแรมอยู่ แต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้น จึงได้รีบไปหาหมออีกครั้ง และแจ้งว่าคนรอบข้างติดเชื้อ จึงไม่มีค่ารักษา แพทย์แนะนำว่า ห้ามคุยกับใคร ห้ามกินข้าวกับใคร และให้ห่างผู้คน เมื่อติดเชื้อ รพ.ก็ได้ส่งรถพยาบาลมารับที่โรงแรม เขายังแนะนำให้บอกความเสี่ยงกับแพทย์ เช่น คนรู้จักติดโควิด จะทำให้ได้ตรวจ

ส่วน รัฐวิชญ์พงศ์ มั่นคง อีกหนึ่งเซียนมวยที่เข้าตรวจโรค รพ.เอกชน ก็บอกว่า หลังจากตรวจแล้วผลเป็นบวก ก็ต้องให้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันอีกครั้ง ทำให้ต้องรอผลนาน

รัฐวิชญ์พงศ์ มั่นคง

ธเรศ คีรี เจ้าของร้านหนังสือดวงกมล ซึ่งติดเชื้อหลังจากเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ เมื่อกลางเดือนมีนาคม เผยว่า หลังจากกักตัวอยู่ที่บ้าน ก็รู้สึกเจ็บคอและมีไข้เล็กน้อย แรกทีเดียวเข้าใจว่าเป็นไข้หวัด แต่ก็คิดจะไปตรวจ โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งไม่สามารถตรวจได้ทันที จนสามารถประสานงานไปตรวจที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่งได้ แม้ว่าวันนั้นจะไม่มีไข้ ซึ่ง รพ.จะจัดมุมพิเศษสำหรับผู้ติดเชื้อ มีผู้มารอตรวจประมาณ 100 คน ในเวลา 09.00 น. และได้ซักถามผู้ที่มีความเสี่ยงก่อน โดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 5,000 บาท แต่เนื่องจากกลับจากอังกฤษ เขาจึงได้รับการยกเว้น

ส่วนวิธีการตรวจนั้น ธเรศเล่าว่า หลังจากรอนาน 3 ชั่วโมง ก็ได้โทรศัพท์คุยกับหมอเพื่อไม่ต้องแตะตัวกัน ก่อนได้เจอเจ้าหน้าที่ในชุดป้องกัน นำหลอดเล็กๆ มาแหย่ที่จมูกและลำคอ เพื่อเอาสารคัดหลั่งไปตรวจ ซึ่งจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ก่อนให้กลับไปรอที่บ้าน เมื่อรู้ผลว่าติดเชื้อโควิด โรงพยาบาลก็ได้จัดรถมารับที่บ้านในวันถัดไป

มวยหู เปาเปียวบางบัวทองฯ

เรื่องเล่าบนรถพยาบาล

ธเรศ ยังได้นำเรื่องราวบนรถพยาบาลมาเล่าว่า หลังจากโรงพยาบาลได้โทรมาแจ้งนั้น เมื่อใกล้เวลาเจ้าหน้าที่ก็จะโทรมาอีกครั้งให้เตรียมตัวขึ้นรถ โดยไม่ให้แตะที่ตัวรถ บนรถมีเก้าอี้ 4 ตัว ไม่มีแอร์ มีหน้าต่างเล็กๆ 2 บาน เก้าอี้ถูกบุด้วยพลาสติก ที่หลังจากส่งคนไข้แล้วจะเอาไปบุพลาสติกใหม่และฆ่าเชื้อก่อนไปรับผู้ป่วยรอบต่อไป ก่อนขับรถไปยังโรงพยาบาล เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว จะมีบุรุษพยาบาลที่ใส่ชุดคลุมทั้งตัว รวมทั้งมีหน้ากากพลาสติกปิดด้านหน้า มาวัดไข้ ออกซิเจน ของแต่ละคน รายงานผ่านวิทยุสื่อสาร เพื่อไม่ให้เข้าใกล้หมอหรือพยาบาล ระหว่างทางเข้าสู่ห้องพักนั้น ก็ต้องเดินตามเส้นสีแดง ห้ามออกจากเส้น

หลังจากเข้าพักแล้ว พยาบาลแนะนำว่า ไม่ให้ออกจากห้อง ห้ามจับลูกบิดประตูทางเข้า และในห้องยังมีจอพร้อมระบบวิดีโอคอล ให้คุยกับคุณหมอ และให้คนไข้วัดความดัน ชีพจร ระดับออกซิเจน และอุณหภูมิ แบบหนีบรักแร้เอง พร้อมจดรายงานให้พยาบาลทราบ และจะโทรมาเป็นระยะ ในห้องยังมีเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว หน้ากากอนามัย พร้อมน้ำดื่ม ทุกๆ 2 วัน เจ้าหน้าที่จะมาเจาะเลือด เอกซเรย์ปอดที่เตียงคนไข้ และมีการวิดีโอคอลของคุณหมอเข้ามา ส่วนอาหารต่างๆ นั้น เจ้าหน้าที่ได้นำอาหารบรรจุในกล่องแบบย่อยสลายได้มาให้ทาน

 

รักษาตามอาการ

ในจำนวนผู้ป่วยโควิดทั้งหลายที่เข้าไปรักษาตัวนั้น แทบทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แพทย์จะรักษาตามอาการ และเชื้อมีโอกาสหายจากร่างกายได้เอง นอกจากจะมีอาการหนัก หรือปอดติดเชื้อ แพทย์จะให้กินยาต้านไวรัส ซึ่งคือยารักษาโรคเอดส์ และมาลาเรีย ซึ่งมีผลข้างเคียง

แมทธิว ดีน เผยว่า ในช่วงวันแรกๆ ที่เข้าไปรักษานั้น ไม่ได้หนักมาก มีปวดเมื่อยตามร่างกายเหมือนออกกำลังกายมา คัดจมูกเหมือนภูมิแพ้ แพทย์จึงรักษาตามอาการและหายเองได้โดยไม่ต้องกินยา กระทั่งวันที่ 5 ไข้กลับมาอีกครั้ง บวกกับท้องเสีย มีไข้ประมาณ 37-38 จึงได้เอกซเรย์ปอด พบว่าเชื้อลงปอดด้านขวา เลยต้องทำการรักษาแล้ว เพราะถือว่ามีความเสี่ยง

ขณะที่ ลีเดีย เผยว่า ตั้งแต่เข้า รพ.ก็มีไข้ 37-38 องศาตลอด แต่แรกๆ ระดับออกซิเจนดี เจ็บคอ จนกระทั่งซีทีสแกนแล้ว ไวรัสเข้าไปในปอดทั้ง 2 ข้าง จึงต้องเริ่มกินยาทันที กินทั้งยาต้านเอชไอวี มาลาเรีย ควบคู่กันไป มื้อหนึ่งกินเป็น 10 เม็ด กินต่อเนื่องถึง 10 วันด้วยกัน ตลอดช่วงที่กินยาก็มีผลข้างเคียงมาก อย่างของแมทธิวอาจจะไม่มาก แต่ของลีเดียเอง เวียนหัว คลื่นไส้ ท้องเสีย ไม่อยากกินอะไรเลย ตามัวๆ เหมือนใส่แว่นขยายตลอดเวลา พอครบ 10 วัน เลิกกินยา อาการนั้นก็หายไป กลับมากินข้าวได้เหมือนเดิม

“อาการของโรคนั้นไม่เหมือนกัน ทุกคนเสี่ยงหมด ส่วนใหญ่อายุ 20-40 ปี บางคนเข้ามาพร้อมกันก็ทรุด สิ่งสำคัญคือต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด” ลีเดียเผย

เช่นเดียวกับ สรายุทธ ร่างใหญ่ หรือ ยุทธ สุราษฎร์ ที่เผยว่า แพทย์บอกว่าการรักษาตรงๆ ยังไม่มี และที่แต่ละคนกินยาไม่เหมือนกัน ทั้งที่เป็นโรคเดียวกันนั้น เพราะอาการไม่เหมือนกัน แต่ละโรงพยาบาลก็รักษาไม่เหมือนกัน เพราะเป็นโรคใหม่ที่ยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก

สรายุทธ

ชีวิตในห้องสี่เหลี่ยม

ในช่วงชีวิตที่ต้องดูอาการที่โรงพยาบาลนั้น ผู้ป่วยทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน มีรักษาอาการที่ห้องพักเดี่ยวบ้าง แบบคู่บ้าง โดยต่างวิดีโอคอลพูดคุยกับทางบ้านและดูทีวีต่างๆ แก้เบื่อ รวมไปถึงอัดคลิปวิดีโอเต้นต้านโควิด ที่ ธนกฤต จันทร์หอม หรือ ป๋าแขก เซียนมวย ก็ลุกขึ้นมาทำแก้เครียด คลายความคิดถึงครอบครัว ในบางโรงพยาบาลยังอนุญาตให้ญาตินำอาหารมาให้ หรือสั่งมากิน นอกจากนี้แต่ละแห่งยังมีวิธีการดูแลที่ต่างกัน

ธนกฤตเปิดเผยว่า โรงพยาบาลของเขามีมนุษย์หุ่นยนต์ที่คอยนำอาหารมาให้ทั้ง 3 มื้อ

ธนกฤต

ผลเป็นลบ 2 ครั้ง กลับบ้าน

ผู้ป่วยโควิดแต่ละคนที่มีอาการหรือไม่มีอาการ แพทย์จะให้ตรวจหาเชื้อ โดยหากพบว่าไม่มีเชื้อแล้ว 2 ครั้ง ก็จะให้กลับบ้าน อย่างไรก็ตาม แม้บางคนจะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม แต่ก็ยังพบเชื้ออยู่ เช่น มิสเตอร์ป๋อง ที่ต้องใช้เวลาถึง 28 วัน ในการรักษา เนื่องจากยังคงตรวจพบผลเป็นบวก หรือแมทธิวและลีเดีย ที่แม้อาการดีขึ้น 99% แต่ยังคงตรวจพบเชื้อเป็นบวกอยู่

ทั้งนี้แพทย์เผยว่า อาจเป็นเชื้อที่ตายแล้ว แต่ยังตรวจพบอยู่ ซึ่งหากมีเชื้อก็อาจนำไปแพร่ให้กับผู้อื่นได้ ทั้งนี้ ลีเดียยังได้เผยว่า แม้ว่าจะตรวจพบเชื้อ แต่ภูมิต้านทานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

หลังจากกลับบ้านแล้ว แพทย์ยังได้แนะนำให้ผู้ป่วยทุกคนกักตัวอยู่บ้านให้ครบกำหนดเพื่อป้องกันการกระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นต่อไป บางรายให้กักตัวอีก 14 วัน บางรายกักตัวให้ครบ 1 เดือนนับแต่วันที่ติดเชื้อ โดยหลังจากนั้น ต้องไปตรวจหาเชื้อไวรัสอีกครั้งหนึ่ง จึงจะสามารถไปบริจาคเลือดให้สภากาชาดเพื่อนำไปทำพลาสมาต่อไปได้

ย้ำค่ารักษาฟรี

ตามนโยบายของภาครัฐนั้น โรคโควิด-19 ถือเป็นโรคระบาด ที่ภาครัฐจะออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ แม้ว่าจะเป็นโรงพยาบาลของรัฐ หรือเอกชน โดยธนกฤตเผยว่า การรักษาในครั้งนี้ได้รักษาที่โรงพยาบาลรัฐบาล และไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลแม้แต่บาทเดียว

ส่วน รัฐวิชญ์พงศ์ ซึ่งรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ก็ได้ออกมาโพสต์ว่า ขอบคุณโรงพยาบาลที่รักษาและดูแลค่าใช้จ่ายทุกบาท ผู้บริหารโรงพยาบาลชี้แจงว่ารัฐจะออกให้และไม่เก็บค่ารักษาแม้แต่บาทเดียว ทั้งยังดูแลเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม มีโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งที่ออกบิลเก็บค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยกว่า 5 แสนบาท ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ติดต่อคืนเงินภายหลัง ตามนโยบายของภาครัฐแล้ว

โรงพยาบาลที่อิตาลี

เชื้ออยู่ได้ในสิ่งที่คิดไม่ถึง

หลังจากติดเชื้อไม่นาน ลีเดีย ออกมาโพสต์คิดถึงลูก และว่า ต้องพยายามไม่ร้องไห้ เพราะในน้ำตาอาจมีเชื้ออยู่ กระตุ้นให้คนหันมาสนใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่ในเวลาไม่นาน แมทธิวและลีเดีย ยังได้ออกมาไลฟ์เปิดเผยว่า คุณหมอได้เตือนว่า มีเชื้อไวรัสในอุจจาระด้วยเช่นกัน โดยคุณหมอแนะนำให้ปิดฝาชักโครกแล้วค่อยกดน้ำลงไป ไม่เช่นนั้นเชื้ออาจจะฟุ้งและกระจายออกมา ซึ่งการตรวจในลำคอ อาจไม่เจอเชื้อ แต่ถ้าตรวจในอุจจาระแล้วจะเจอเชื้อในอีกระยะหนึ่ง เตือนผู้ที่กำลังกักตัว ให้ระวังในการใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น และระวังการแปรงฟัน หรือสั่งน้ำมูกตรงอ่างล้างหน้าอีกด้วย

โรคใหม่ กระทบใจ

ด้วยความที่เป็นโรคใหม่ที่หลายคนยังไม่มีข้อมูล ทำให้ผู้ป่วยหลายคนรู้สึกเครียดได้ อย่าง มิสเตอร์ป๋อง ที่วันแรกๆ ถึงกับนอนไม่หลับ เนื่องจากมีความกังวลว่าจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หรือแมทธิวและลีเดีย ที่ออกมาไลฟ์ว่า ความวิตกกังวลของทั้งคู่ เกิดขึ้นเพราะโรคนี้เป็นโรคใหม่ ที่ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้แม้ร่างกายจะแข็งแรง แต่ด้านจิตใจนั้น เบื่อสุดสุด แม้จะมีแพทย์ดูแลอย่างดี แต่ก็อยากกลับบ้าน อยากเจอแสงแดด อยากเจอครอบครัว และโชคดีที่มีกันและกัน หากต้องสู้คนเดียวคงรู้สึกหนักกว่านี้ จึงแนะนำให้ทุกคนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เน้นการรักษาระยะห่างกันไว้จะดีที่สุด

คำแนะนำจากผู้ป่วย

คมชาญ กองกอง หนึ่งในเซียนมวยที่ป่วยโควิดในครั้งนี้ เผยว่า โอกาสที่จะติดเชื้อโรคนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมาก ยกตัวอย่างในสนามมวย แม้จะมีการวัดไข้ ล้างมือด้วยเจล แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เนื่องจากมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ติดเชื้อได้ การอยู่ใกล้ชิด หากมีความเสี่ยงควรรีบไปตรวจโดยด่วน

ขณะที่ มิสเตอร์ป๋อง มองว่า เรื่องสำคัญที่สุดจากนี้คือการตรวจหาเชื้อ ซึ่งปัจจุบันมีราคาแพง บางคนไม่สามารถจ่ายค่าตรวจได้ จึงอยากให้ทุกคนเข้าถึงการตรวจ อาจร่วมมือกับเอกชนพัฒนาชุดตรวจให้มีราคาถูกลง ยิ่งหากเหลือเพียง 1,000 กว่าบาท จะยิ่งช่วยให้คนเข้าถึงการตรวจได้มากขึ้น และใครก็ตามที่กลับจากพื้นที่เสี่ยง ควรกักตัวเอง เพื่อลดการติดเชื้อให้มากที่สุด

คมชาญ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image