ปัญหาหน้าฝน! เดินลุยน้ำ-ปล่อยอับชื้น เสี่ยง ‘โรคเท้าเหม็น’ ทำเสียบุคลิกภาพ

โรคเท้าเหม็น

ปัญหาหน้าฝน! เดินลุยน้ำ-ปล่อยอับชื้น เสี่ยง ‘โรคเท้าเหม็น’ ทำเสียบุคลิกภาพ

“กลิ่นเท้า” เป็นอีกหนึ่งปัญหาสามัญที่หลายๆ คนต่างเคยประสบ เพราะด้วยสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนอบอ้าว ทำให้เหงื่อไหลอยู่บ่อยๆ ยิ่งในช่วงฤดูฝนที่หลายคนต้องเดินผ่านแอ่งน้ำ ลุยน้ำ จนเกิดความอับชื้นได้ง่าย จนกลายเป็นกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพได้

ด้วยเหตุนี้ “สุขภาพเท้า” จึงเป็นสิ่งที่ต้องเอาใจใส่อยากถูกวิธีและไม่ควรละเลย

ทั้งนี้ ปัญหาเท้า ที่พบเจอบ่อย ประกอบด้วย

– ส้นเท้าแตก อาจต้องดูแลเท้าเป็นพิเศษระหว่างการอาบน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เมื่อผิวหนังนุ่มตัวจากการสัมผัสน้ำแล้ว ให้ใช้หินขัดขี้ไคลค่อยๆ ถูเท้าที่มีหนังหนาตัวขึ้นกว่าปกติ หลังจากนั้นให้ทาครีมให้ความชุ่มชื้น นวดบริเวณส้นเท้าและฝ่าเท้า จนครีมซึมซาบเข้าไปนั่นแหละ วิธีนี้จะช่วยป้องกันปัญหาส้นเท้าแตกได้

Advertisement

– เหงื่อออกมาก สำหรับเท้าที่มีเหงื่อออกมากควรใช้แป้งฝุ่นโรยก็ช่วยได้ เลือกใช้แป้งทั่วไป หรือแป้งเฉพาะ สำหรับเท้าที่เรียกว่า foot powder ก็ได้ แป้งชนิดนี้มีลักษณะคล้ายแป้งฝุ่นทาตัว เพียงแต่เนื้อแป้งอาจหนากว่าและดูดซึมน้ำได้ดีกว่า การโรยแป้งทำให้ผิวที่เท้าแห้ง ไม่เฉอะแฉะ จึงลดอาการระคายเคือง และช่วยให้เกิดความรู้สึกเย็นสบาย ควรเปลี่ยนถุงเท้าทุกวันและควรใส่รองเท้าสลับวันเว้นวัน คู่ใดไม่ได้ใส่ก็ผึ่งเสียให้แห้ง

– เล็บขบ คนที่สวมรองเท้าคับเกินไปและตัดเล็บผิดวิธี มักจะเกิดเล็บขบตามมา แรกๆ เริ่มจากเล็บที่งอกขึ้นมาใหม่อาจแทงผิวหนังข้างๆ เล็บ ทำให้เกิดการอักเสบบวมแดง การตัดเล็บเท้าที่ถูกต้องคือตัดเป็นเส้นตรง

นอกจากนี้ พบว่าคนไทยหลายคนเป็น “โรคเท้าเหม็น” (pitted keratolysis) โรคเท้าเหม็นนี้ไม่ใช่โรคใหม่ พบมานาน 90 ปีแล้ว พบบ่อยที่สุดในผู้ที่ชอบเดินเท้าเปล่าย่ำน้ำในหน้าฝน เมื่อผิวหนังชั้นขี้ไคลของฝ่าเท้าเปียกชื้นจากเหงื่อหรือน้ำที่เจิ่งนองจะทำให้ผิวหนังยุ่ยและเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย โรคเท้าเหม็นพบมากในประเทศเขตร้อน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่พบได้บ่อยกว่าในผู้ชาย เพราะมีเหงื่อออกที่ฝ่าเท้ามากกว่า และผู้ชายมักสวมถุงเท้าอยู่ตลอดเวลา

Advertisement

อาการของโรคเท้าเหม็น คือ เท้ามีกลิ่นเหม็นมาก เวลาถอดถุงเท้าจะรู้สึกว่าถุงเท้าติดกับฝ่าเท้า ส่วนอาการคันนั้นพบได้น้อย ลักษณะของโรคเท้าเหม็นจะเห็นเป็นหลุมเล็กๆ ที่ฝ่าเท้า บางครั้งหลุมอาจรวมตัวกันเป็นแอ่งเว้าตื้นๆ ดูคล้ายแผนที่ มักพบหลุมเหล่านี้ตามฝ่าเท้าที่รับน้ำหนัก และง่ามนิ้วเท้า ถ้าขูดผิวหนังและย้อมเชื้อจะพบเชื้อแบคทีเรียติดสีน้ำเงิน โรคนี้ดูจากลักษณะภายนอกก็บอกได้

ส่วนการรักษา ยารักษาโรคสิวที่ใช้กันบ่อยคือ “เบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์” (benzoyl peroxide) ก็นำมาใช้รักษาโรคเท้าเหม็นได้ผลดี นอกจากนั้นยาปฏิชีวนะและยาฆ่าเชื้อราชนิดทาก็รักษาโรคเท้าเหม็นได้ แต่อย่างไรก็ตามควรที่จะไปพบอายุรแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายทั่วไป เพราะโรคบางอย่าง เช่น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษก็อาจทำให้เหงื่อออกมากได้

และที่สำคัญ ควรหมั่นดูแลเท้าของตนให้ดี ซึ่งวิธีปฏิบัติก็ไม่ยาก เริ่มจาก เลือกสวมรองเท้าที่มีขนาดพอเหมาะ การดูแลเท้ารวมไปถึงการล้างเท้าทุกวัน ยกเว้นในกรณีที่ผิวหนังเท้าแห้งและแตกอยู่แล้ว หลังจากล้างเท้าไม่ควรสวมรองเท้าและถุงเท้าทันที ควรรอให้เท้าแห้งสนิทก่อนจึงค่อยสวมรองเท้าอาจใช้ผ้าขนหนูซับเท้า หรือใช้พัดลมเป่า เพื่อให้เท้าแห้งเร็วขึ้น

ทั้งนี้เพราะเท้าที่เปียกชื้นจะมีการติดเชื้อราที่เรียกว่า “ฮ่องกงฟุต” ได้ง่าย เนื่องจากเท้าเป็นอวัยวะที่มีต่อมเหงื่อมากมาย ทำให้เหงื่อออกมาก ถ้าไม่หมั่นทำความสะอาดเท้าและรองเท้าจะส่งกลิ่นตุๆ ไปได้ไกล ในขณะเดียวกันผิวหนังเท้ามีต่อมไขมันน้อย ฝ่าเท้าจึงแห้งและแตกง่าย ในกรณีนี้ต้องใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทา

ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image