เช็กเลย! ผู้ที่มีโรคประจำตัวโรคไหน ที่ควรดูแลฟัน-ช่องปากเป็นพิเศษ
การตรวจสุขภาพภายในช่องปากและฟันทุกๆ 6 เดือน เป็นเรื่องทั่วไปสำหรับทุกคนที่ไม่ต้องมีความกังวลใดๆ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพหรือโรคประจำตัวแล้ว ทันตแพทย์ต้องซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรคและยาที่ได้รับเพื่อให้การดูแลเป็นพิเศษ ทันตแพทย์จากคลินิกทันตกรรมสตาร์เด็นท์ ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) แนะนำให้ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และข้อจำกัดของผู้ป่วยที่ต้องมีความระมัดระวังเรื่องการดูแลสุขภาพฟันและช่องปากเป็นพิเศษ ได้แก่
โรคในกลุ่มผู้มีภาวะสมองเสื่อม เช่น Alzheimer’s disease, Parkinson disease, etc., โรคไต, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคข้อเสื่อม, โรคกระดูกพรุน, ผู้ป่วยได้รับรังสีรักษา, กลุ่มอาการของโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดภูมิต่อต้านเนื้อเยื่อตนเอง, ภาวะปากแห้ง, HIV, ผู้สูงอายุ, ผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย เช่น ผู้พิการ ผู้มีปัญหาในการเคลื่อนไหวของร่างกาย เป็นต้น
ซึ่งเหตุผลที่ผู้ป่วยเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจาก กลุ่มโรคบางโรคทำให้ผู้ป่วยมีข้อจำกัดทางด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย มีผลต่อประสิทธิภาพในการแปรงฟันและการดูแลสุขภาพในช่องปากด้อยลง, ภาวะของโรค ณ ช่วงเวลาต่างๆ อาจเป็นข้อจำกัดในการทำงานทันตกรรมด้วย ซึ่งทันตแพทย์ต้องให้ความระมัดระวังในการรักษาเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ภาวะของโรคที่รุนแรงหรือเรื้อรัง อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้ป่วย และมีผลทางอ้อมต่อการให้ความสำคัญในการดูแลช่องปาก ทำให้ไม่สนใจดูแลตัวเอง มีโอกาสการติดเชื้อสูงขึ้น หรือทำให้กระบวนการลุกลามของโรคภายในช่องปากเร็วขึ้นกว่าปกติ
เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัย ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว และผู้ที่ทานอาหารเสริมต่างๆ ควรให้ข้อมูลรายละเอียดแก่ทันตแพทย์ก่อนการรักษาทางทันตกรรม และเป็นข้อมูลที่ถูกต้องไม่ปิดบัง ทั้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้ประจำ การแพ้ต่างๆ (ยา อาหาร สารต่างๆ) และอาหารเสริม เป็นต้น และภายหลังการเข้าพบทันตแพทย์แล้ว อาจจะมีการสอบถามเพิ่มเติมในบางกรณี
และสำหรับบุคคลทั่วไป ทันตแพทย์ยังได้ให้ข้อสังเกต สัญญาณเตือนสำหรับปัญหาสุขภาพในช่องปากแบบไหนที่ควรมาพบแพทย์ เช่น เสียวฟันมาก อาจเกิดจากฟันผุที่ลึกใกล้ทะลุโพรงประสาทฟัน ฟันสึก ฟันร้าว ฟันแตกจากการเคี้ยวอาหารที่แข็งเกินไป แปรงฟันแรงเกินไป หรือนอนกัดฟัน, เหงือกบวมหลายตำแหน่ง แบบเป็นๆ หายๆ หรือมีฟันโยกร่วมด้วย, เลือดออกเวลาแปรงฟัน, มีกลิ่นปากตลอดเวลาหรือหลังรับประทานอาหาร, ไหมขัดฟันรุ่ย ขาด หรือมีกลิ่นเหม็นเวลาทำความสะอาดซอกฟัน, ปวดข้อต่อขากรรไกร หรือมีเสียงดังข้างหูเวลาอ้าปากหุบปาก
ปัญหาทางทันตกรรมโดยส่วนใหญ่ไม่มีแสดงอาการเตือนที่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าควรเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมเมื่อใด การตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือนโดยทันตแพทย์ จึงเป็นคำแนะนำที่สำคัญ เพื่อค้นหารอยโรคและทำการรักษาตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นซึ่งรักษาง่ายและมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการรักษาโรคที่ลุกลามแล้ว
นอกจากนี้ผู้ป่วยยังจะได้รับการแนะนำวิธีปฏิบัติและดูแลสุขภาพช่องปากและฟันที่ถูกต้องเพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา