ผ่า ‘ดวงเมือง’ 63 จับตา ‘เศรษฐกิจ-การเมือง’

ดวงเมืองในปี 2563 จะเป็นอย่างไร? 

ปีใหม่ 2563 นี้ ดวงเมืองจะต้องพบกับสถานการณ์ใหญ่ๆ คือ เรื่องดังต่อไปนี้

จังหวะชีวิตของดวงเมืองอายุย่าง 239 ปี นับทักษาจรได้ตกปมดาวพุธ (๔) เป็นบริวารจรจึงมีดาวอังคาร (๓) เดชเดิมเป็นกาลกิณีจร เมื่อพระเดชเดิมเป็นกาลกิณีจรจะต้องทำนายว่า การใช้อำนาจคลอนแคลนไม่น่าเกรงขามหรือไม่น่ากลัวระหว่างวันที่ 21 เมษายน 2563 ถึง 21 เมษายน 2564

การนับทักษาจรของดวงเมืองจะเป็นไปดังข้างล่างนี้ อายุจรของดวงเมืองเท่ากับ 2563-2325 อายุย่าง 238+1=239 ปี

Advertisement

ดาวอังคาร (๓) พระเดชเดิมเป็นกาลกิณีจร แปลความว่า รัฐบาลไม่น่าเกรงขามหรือไม่น่ากลัวตลอดปี 2563 ไปจนถึงวันเกิดปี 2564 ดังนั้น จึงต้องระวังการโคจรของดาวอังคาร (๓) เมื่อโคจรเข้าทับลัคนา (ส) ของดวงเมือง ราศีเมษ ระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2563 ถ้าจะเกิดการทะเลาะวิวาทบาดหมางที่น่าจะปรองดองกันได้ยากก็จะต้องระวังในช่วงนี้

ในช่วงปลายปี 2562 และต้นปี 2563 เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับกาลเวลาที่จะได้เห็นก็คือ การโคจรเดินหน้าและถอยหลังของดาวพฤหัส (๕) จร และดาวเสาร์ (๗) จร โคจรเข้าไปในราศีธนู (เรือนศุภะ) ของบ้านเมืองระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม 2562 ถึง 2 มีนาคม 2563 และจะโคจรร่วมกันอีกครั้งหนึ่งในราศีมังกร หรือเรือนกัมมะของบ้านเมืองอีกครั้งระหว่างวันที่ 17 มีนาคม ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2563

Advertisement

ดาวพฤหัส (๕) หัวหน้าดาวศุภเคราะห์ กับดาวเสาร์ (๗) หัวหน้าดาวบาปเคราะห์อยู่ร่วมกันในราศีใดก็ตามเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง ความสับสนอลหม่านหรือความแตกแยกในบ้านเมือง และการงานของรัฐบาลจะวุ่นวายไปตลอดปี 2563

เนื่องจากดาวพฤหัส (๕) และดาวเสาร์ (๗) โคจรเดินหน้าและถอยหลังอยู่ระหว่างราศีธนู และราศีมังกร ตลอดทั้งปี 2563 ความแตกแยกในวงการของรัฐบาลจะเกิดขึ้นในแต่ละพรรคที่ร่วมเป็นรัฐบาล และแม้แต่ในพรรครัฐบาลด้วยกันเอง ก็จะมีความสับสนอลหม่าน ไม่ปรองดองกันไปเกือบตลอดทั้งปี ความไม่สามัคคีเป็นเรื่องธรรมดาอย่างหนึ่งของดาวชะตาของเมืองไทย

ดวงชะตาจะสับสนและยุ่งยากในเรื่องงาน เรือนกัมมะตั้งแต่วันเกิดของดวงเมือง วันที่ 21 เมษายน 2563 ไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ดาวอังคาร (๓) เป็นกาลกิณีจร โคจรอยู่ในเรือน กัมมะ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ดาวอังคาร (๓) จรโคจรเข้าไปในเรือนวินาส บ้านเมืองจะสงบร่มเย็นไปได้ในระยะนี้

บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือมีการประท้วงเรียกร้องสิทธิประโยชน์หรือต่อต้านรัฐบาลเมื่อดาวอังคาร (๓) จรโคจรเข้าทับลัคนา (ส) ของดวงเมืองในราศีเมษ ระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2563 หลังจากวันที่ 9 ตุลาคม 2563 ดาวอังคาร (๓) ถอยหลัง (พักร์) กลับเข้าเรือนวินาสอีกครั้งหนึ่งระหว่างวันที่ 9 ตุลาคม ถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2563 ดาวอังคาร (๓) จรจึงจะโคจรเข้าทับลัคนา (ส) ของดวงเมืองในราศีเมษอีกครั้งหนึ่ง

เรื่องร้ายแรงก็น่าจะเกิดในช่วงเวลาดังต่อไปนี้ คือ

(1) ระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2563

(2) ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564

สถานการณ์เลวร้ายที่สุดมีแนวโน้มน่าจะเกิดอยู่ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ 17 กันยายน ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2563 หรือวันที่ 17 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ซึ่งมีแนวโน้มว่าน่าจะเกิดการทะเลาะวิวาทบาดหมางจนถึงขั้นควบคุมสถานการณ์ได้ยาก อาจรุนแรงถึงขั้นปฏิวัติซ้อนก็ได้

เรื่องเศรษฐกิจจะทรงตัวเกือบตลอดทั้งปีและจะตกหนักขึ้นหลังจากวันที่ดาวราหู (๘) จรโคจรเข้าไปในเรือนกดุมภะของดวงเมืองหรือราศีพฤษภ หลังจากวันที่ 10 กันยายน 2563 ไปจนถึงวันที่ 15 เมษายน 2565 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือนที่ดาวราหู (๘) จร โคจรเข้าไปในเรือนกดุมภะหรือเรือนหลักทรัพย์ของดวงเมือง

ซึ่งเป็นเรื่องที่เศรษฐกิจจะต้องตกต่ำอย่างรุนแรงลงไปอีก ประชาชนจะหมดศรัทธากับรัฐบาลรุนแรงขึ้นในช่วงปลายปี

เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วจนถึงขั้นที่คณะนายทหารซึ่งมี พล.อ.ผิน ชุณหะวัณ และ พล.อ.กาจ เก่งระดมยิง ต้องทำปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนในขณะนั้น เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2490 อันสืบเนื่องมาจากดาวราหู (๘) จร โคจรเข้าราศีพฤษภตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2489 ไปจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490

ช่วงเวลาดังกล่าว เศรษฐกิจของไทย ตกต่ำลงไปอย่างมาก ประชาชนลำบากยากแค้น ต้องรอปันส่วนซื้อข้าวสารและเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภาวการณ์ที่เรียกว่า รัฐบาลถังแตกเพราะดาวราหู (๘) ล้วงทรัพย์ตัวจริงอีกครั้งหนึ่ง

สรุปว่าในช่วงปลายปี 2563 เศรษฐกิจจะต้องตกต่ำอย่างรุนแรงจนถึงขั้นถังแตก ซึ่งรัฐบาลคงต้องเหน็ดเหนื่อยและยุ่งยากในเรื่องเศรษฐกิจรุนแรงยิ่งขึ้น ใครเป็นรัฐบาลก็จะต้องพบศึกหนักเรื่องเงินไม่พอใช้จ่าย

โดยสรุปในช่วงปี 2563 รัฐบาลจะต้องเตรียมงบประมาณเอาไว้แจกกล้วยตลอดทั้งปี จะต้องเหน็ดเหนื่อยยุ่งยากใจ โดยเฉพาะจะต้องพบกับกลุ่มคนที่ต้องเรียกร้องผลประโยชน์

ต้องจับตาเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 10 สิงหาคม ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2563 และอีกช่วงหนึ่งวันที่ 27 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564

และต้องระวังเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงปลายปี หลังจากวันที่ 10 กันยายน 2563 ไปแล้ว ไปจนถึงวันที่ 15 เมษายน 2565

ซึ่งจะมีเหตุการณ์ข้าวยากหมากแพงที่รุนแรงที่สุด คอยดูกันไปนะครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image