เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 31 กรกฎาคม ที่ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร นายธนวัฒน์ วันสม ประธานกรรมการผู้บริหารบริษัท TW Investment Group กลุ่มบริษัทที่ดูแลและบริหารโครงการด้านการลงทุนระดับนานาชาติ ได้รับสิทธิจากองค์กรมิสยูนิเวิร์ส ออแกไนเซชั่น (Miss Universe Organization) ให้เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ในการจัด Miss Universe 2018 อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว จัดแถลงข่าวการประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2018” อย่างเป็นทางการที่ประเทศไทย โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย พอลล่า แมร์รี่ ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส บริษัท WME/IMG และเดมี-ลีห์ เนล-ปีเตอร์ส มิสยูนิเวิร์สปี 2017 จากประเทศแอฟริกาใต้ ผู้ครองตำแหน่งคนล่าสุด บินตรงจากนิวยอร์ก มาร่วมแถลงข่าวในไทย พร้อมด้วย อาภัสรา หงสกุล มิสยูนิเวิร์ส 1965 และนาตาลี เกลโบวา มิสยูนิเวิร์ส 2005 เข้าร่วมแถงข่าวท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนหลากหลายแขนงที่เดินทางมารายงานข่าวจำนวนมาก
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาบอกข่าวคนไทยและแฟนนางงามประเทศไทย ให้ได้รับทราบว่ากองประกวดมิสยูนิเวิร์ส ได้มีมติตกลงใจที่จะมาจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ประเทศไทย โดยการจัดประกวดครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจของภาคเอกชนตกลงกันก่อน และได้นำเรื่องขึ้นกราบเรียนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทราบแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
“การจัดประกวดครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่สำคัญของประเทศไทย จึงขอขอบคุณในนามคนไทย ที่เห็นศักยภาพ วัฒนธรรมไทย ความงดงามของแหล่งท่องเที่ยว เสน่ห์คนไทยและประเทศไทย” นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า การจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 จะจัดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือนธันวาคม โดยก่อนหน้านั้น สาวงามจากทั่วโลกจะเดินทางมาทำกิจกรรมเก็บตัวกับกองประกวดในประเทศไทย โดยรวมแล้วประมาณ 1 เดือน โดยรัฐบาลไทยจะให้การสนับสนุนในการเดินทาง สถานที่พำนักของสาวงามในพื้นที่ต่างๆ ที่จะนำเสนอความเป็นไทย รวมถึงดูแลความปลอดภัยให้การประกวดดำเนินไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย ซึ่งนอกจากกองประกวด และคณะนางงามแล้ว ยังมีแฟนคลับจากทั่วโลก รวมถึงสื่อมวลชนจากทั่วโลกมาร่วมนำเสนอข่าวอีก 6,000 คน
“การจัดประกวดครั้งนี้จะทำให้สถานะของประเทศไทย วัฒนธรรมไทย ความเป็นมิตรของคนไทย เผยแพร่ออกไปให้ทั่วโลกได้รับรู้อีกครั้ง” นายวีระศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายธนวัฒน์ วันสม ประธานกรรมการผู้บริหารบริษัท TW Investment Group กล่าวว่า ในฐานะคนไทยรู้สึกภูมิใจที่รายการประกวดระดับโลก เวทีประกวดอันทรงเกียรติที่สุด มีประวัติยาวนานที่สุด และอยู่เคียงข้างคนไทยยาวนานที่สุด และเคยจัดประกวดที่ประเทศไทยมาแล้ว 2 ครั้ง กลับมาจัดประกวดที่ประเทศไทยอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 67 โดยมีค่าลิขสิทธิ์ 400 กว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าคุ้ม เพราะจะช่วยกระตุ้นศรษฐกิจ
“การขอลิขสิทธิ์การประกวด ได้ดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี และเมื่อสองถึงสามเดือนที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันมากขึ้น โดยประเทศที่เข้าร่วมคัดเลือกมี ฟิลิปปินส์ จีน ญี่ปุ่น โดยเหตุผลที่เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพทางกองดูหลายๆ ส่วน ความพร้อม และความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ส่วนตัวมองว่า ไทยพร้อมในเรื่องสถานภาพ แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ซึ่งนางงามต้องมาทำกิจกรรมเก็บตัวที่ไทยหลายสัปดาห์” นายธนวัฒน์กล่าว
นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า การประกวดครั้งนี้ เราเตรียมความพร้อมไว้พร้อมแล้ว โดยได้ทีมจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส เมื่อปี 2005 มาร่วมจัดประกวดอีกครั้ง โดยหลังจากนี้จะมีกิจกรรมประชาสัมพันธ์การประกวด และจะจัดแถลงข่าวใหญ่อีกครั้งในเดือนตุลาคม ซึ่งเดมี-ลีห์ เนล-ปีเตอร์ มิสยูนิเวิร์ส 2017 จะมาร่วมทำกิจกรรม เพื่อปูทางการประกวดที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ โดยจะจัดกิจกรรมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในต่างจังหวัดจะเน้นการท่องเที่ยงเมืองรอง ตามนโยบายรัฐบาล มีทั้งภาคเหนือ อีสาน ใต้ ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต สำหรับงบประมาณในการกิจกรรมนั้น ก็สูงพอสมควร บอกได้เพียงว่า น้องๆ ฟุตบอลโลก ซึ่งจะมีทั้งจากทางภาครัฐและเอกชน” นายธนวัฒน์ กล่าว
นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าการจัดประกวดครั้งนี้ น่าจะเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกมิติ เป็นเหมือนการเปิดบ้านต้อนรับคนทั่วโลก
“วันนี้ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านพูดว่า เป็นเรื่องที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และพร้อมให้การสนับสนุนทุกด้าน สำหรับรอบตัดสินการประกวดมิสยูนิเวิร์ส จะจัดวันที่ 17 ธันวาคม เวลา 07.00 น. เวลาประเทศไทย หรือ วันที่ 16 ธันวาคม เวลา 19.00 น. ตามเวลานิวยอร์ก ที่อิมแพค เมืองทองธานี” นายธนวัฒน์กล่าว
พอลล่า แมร์รี่ ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส บริษัท WME/IMG กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกท่านที่ทำให้เกิดงานวันนี้ขึ้น รวมถึงความยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเดือนธันวาคมนี้ เลข 13 ถือเป็นเลขนำโชค หรือลักกี้ นัมเบอร์ สำหรับการที่กลับมาจัดประกวดในประเทศไทย หลังจากจัดประกวดไปแล้วเมื่อ 13 ปีก่อน ซึ่งหากถามว่าทำไมต้องเป็นประเทศไทย ก็ขอตอบว่า แล้วทำไมจะไม่ใช่ประเทศไทย เพราะตั้งแต่จัดการประกวดที่ประเทศไทยเมื่อปี 2005 ในครั้งนั้น เราได้รับเสียงตอบรับและการสนับสนุนดีมาก เป็นความประทับใจและความทรงจำที่ดี และเชื่อว่าทุกคนที่มาประเทศไทยจะได้รับความทรงจำที่ดีๆ กลับไปเหมือนเช่นครั้งก่อนที่ผ่านมา การจัดงานครั้งนี้ จะเป็นการส่งสารสู่ทั่วโลกให้เห็นถึงความสวยงามของประเทศไทย
