ซินดี้ นำทีม ‘นางแบบ’ รณรงค์ยุติความรุนแรงเด็ก-ผู้หญิง จี้รัฐสร้างความเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และซินดี้ สิรินยา บิชอฟ นางแบบและเพื่อนนางแบบและนักแสดง อาทิ โอเด็ต เฮนเรียต แจ็คโคมิน นางแบบ เดินแจกเอกสารรณรงค์แคมเปญ #เจ็บแต่ไม่ยอม เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล จากสวนสันติภาพไปยังเกาะพญาไท อีกทั้งยังมีเสวนา โดย นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากการเก็บผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้หญิง อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป จำนวน 1,655 ชุด พื้นที่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1-8 พฤศจิกายน 2561 พบภาพรวมว่ามายาคติความรุนแรงในครอบครัวว่าเป็นเรื่องผัวเมียและไม่ต้องไปยุ่งยังมีอยู่ แต่เริ่มน้อยลงกว่าในอดีตที่มูลนิธิเคยสำรวจ ถือเป็นปรากฏการณ์ดีที่เราต้องขับเคลื่อนรณรงค์ประเด็นนี้ต่อไป

นายสาวจรีย์กล่าวอีกว่า การสำรวจยังพบว่าคนส่วนใหญ่รู้จักประโยค ที่จะทำให้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องเงียบ อาทิ “สามี-ภรรยา เปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาล” “ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า เรื่องในครอบครัวไม่ควรนำไปบอกคนอื่น เพราะจะเป็นการประจานครอบครัวตัวเอง” ซึ่งสะท้อนถึงการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่เราควรกลับมาทบทวน และช่วยกันรื้อถอนวิธีคิดชายเป็นใหญ่ ซึ่งเป็นรากเหง้าของปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และปัญหาความรุนแรงต่างๆ และอยากส่งสัญญาณไปยังกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ปรับหลักสูตรการเรียนการสอนได้แล้ว ที่จะเน้นความเท่าเทียมทางเพศ ความเสมอภาคทางเพศ และการเคารพสิทธิเนื้อตัวร่างกายของคนทุกเพศ เพราะเนื้อหาการเรียนการสอนปัจจุบันยังตอกย้ำการบ่มเพาะแบบเดิมๆ ซึ่งถือเป็นรากของปัญหาความรุนแรงในสังคม

Advertisement

ด้าน ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ กล่าวว่า การจะแก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงทางเพศได้ ต้องเริ่มจากการปรับทัศนคติให้คนในสังคมให้รู้ว่าการกระทำอย่างไหนที่ไม่โอเคนะ ซึ่งจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อผู้ถูกกระทำไม่ยอมและส่งเสียงออกมาว่ามีอะไรบ้าง เมื่อนั้นสังคมก็จะเริ่มรู้ว่าการกระทำใดที่ผ่านมาไม่ควรกระทำอีก ขณะเดียวกันสังคมควรยืนอยู่ข้างผู้ถูกกระทำ คอยรับฟัง ให้กำลังใจ และคำแนะนำที่ถูกต้อง จากที่ผ่านมามักจะบอกกับผู้ถูกกระทำว่า “พอเถอะ อย่าเลย” ยิ่งไปตอกย้ำวัฒนธรรมความเงียบ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่ต้องทำงานเสริมพลังผู้ถูกกระทำความรุนแรงให้กล้าลุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรม กล้าที่จะจัดการลงโทษผู้กระทำได้รู้สึกสำนึกผิด ไม่ปล่อยให้ลอยนวล เพราะปัจจุบันคดีกระทำความรุนแรงเข้าสู่ชั้นศาลน้อยมาก ทั้งที่มีเหตุการณ์มากมาย ขณะเดียวกัน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทําความรุนแรงในครอบครัว 2550 ก็ยังเน้นการไกล่เกลี่ยรักษาครอบครัวมากกว่าลงโทษให้สำนึกผิด

ซินดี้ สิรินยา บิชอพ ดารานางแบบชื่อดัง กล่าวว่า อยากให้หยุดมายาคติเรื่องโทษผู้หญิงด้วยกันเอง หยุดโทษตัวเอง เพราะสังคมไม่ควรมีสถานการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้นและสังคมไม่ได้นิ่งนอนใจ ทุกคนคอยฟัง คอยช่วยสนับสนุน พร้อมเป็นพลังใจ แคมเปญ#เจ็บแต่ไม่ยอม เราอยากบอกว่าอย่าพยายามอยู่ในสถานการณ์เป็นเหยื่อหรือเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อ เราควรแข็งแรงพอที่จะลุกขึ้นสู้ แน่นอนว่ามันเคยเจ็บ แต่เจ็บต้องไม่ยอม เราต้องสร้างพลังบวก เชื่อมั่นในตัวเองเชื่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่เห็นคุณค่าในตัวเอง แต่เราต้องการลุกขึ้นก้าวผ่านมันไปให้ได้ ลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลง แล้วมองหาตัวช่วย มีองค์กรหน่วยงานจำนวนมากที่พร้อมจะเข้ามายืนเคียงข้างเรา อย่างมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล รวมไปถึงกลไกของรัฐเช่น 1300

Advertisement
ทีมนางแบบ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image