เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ณ บริเวณหน้าห้องโชกุน ชั้นล็อบบี้ โรงแรมดุสิตธานี บรรดาสาวงามผู้เข้าประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2018 (Miss Universe 2018) จากทั่วโลก ได้ทะยอยเดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อรายงานตัวกับกองประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 เป็นวันแรก
โดยมี นายสมชาย ชีวสุทธานนท์ หรือ ตี๋ แมทชิ่ง, นางปิยาภรณ์ แสนโกศิก และนายณรงค์ เลิศกิตศิริ ในนาม บริษัท ทีพีเอ็น 2018 จำกัด (TPN 2018 Co., Ltd.) ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 อย่างเป็นทางการ ให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ ตี๋ แมทชิ่ง ยังได้ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกวด
**แจงดราม่าเปลี่ยนช่องถ่ายทอดสด จาก “ช่อง3” เป็น “พีพีทีวี”
นายสมชาย ชี้แจงถึงกรณีที่มีการเปลี่ยนสิทธิ์ผู้ถ่ายทอดสดการประกวด จาก “สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3” เป็น “พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36” ว่า ก่อนอื่นต้องขอกราบประทานโทษช่อง 3 โดยเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ในความเป็นจริงทางผมมีการพูดคุยพร้อมกันในหลายๆช่อง การตัดสินใจไม่ได้เป็นเพราะช่อง 3 ไม่เอื้ออะไรให้กับเรา เพราะเรามีการพูดคุยกันอย่างดี แต่ด้วยมีภารกิจบางอย่างที่เป็นตัวแปร และยืนยันว่าตามที่มีข่าวเสนอออกไปว่าเป็นเพราะช่อง 3 ไม่อำนวยความสะดวกนั้น ไม่เป็นความจริง
“สปอนเซอร์เป็นส่วนหนึ่งในตัวแปรก็จริง แต่ยังคงมีส่วนอื่นๆ ด้วย แต่อย่างไรก็ตามเป็นเพราะความลงตัวในบางโอกาส บางโอกาสก็ไม่ลงตัว ซึ่งในครั้งนี้ลงตัวกับพีพีทีวีที่สุด” สมชายกล่าว
**ซาบซึ้ง “แฟนนางงาม” จะลงขันช่วยจัดงาน
นางปิยาภรณ์ แสนโกศิก พาร์ทเนอร์ในการจัดงาน กล่าวเสริมว่า ในเรื่องสปอนเซอร์ก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่เราต้องผ่านไปให้ได้ มีหลายครั้งที่พี่ตี๋ไม่สบาย เกิดอาการชัก จนหมดสติ เราก็ต้องให้กำลังใจกันและบอกว่าพี่ตี๋ห้ามตาย เพราะเรายังมีภารกิจที่จะต้องทำให้โลกรู้ว่าคนไทยทำได้ เพราะฉะนั้นต้องข้ามอุปสรรคไปให้ได้
“มีสปอนเซอร์ หลายบริษัทที่แม้เขาจะมีทุนไม่เยอะมาก แต่ก็อยากช่วย อย่างไรก็ตามเราทั้ง 3 คน ก็ทำใจไว้แล้วว่า เมื่องานนี้จบลงคงต้องใช้หนี้อีกนาน และจากกระแสที่ทุกคนอยากลงขัน เพื่อรวมเงินช่วยในการจัดงาน เราทั้งสามคนอ่านแล้วน้ำตาไหล เพราะเราก็ไม่ใช่คนร่ำรวยแต่ล้วนอยากทำเพื่อประเทศ” นางปิยาภรณ์กล่าว
**ขอตายในสนามรบดีกว่ายกธงขาว
ส่วนประเด็นที่ นายธนวัฒน์ วันสม ประธานกรรมการผู้บริหารบริษัท TW Investment Group อดีตผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส ปี 2018 จะดำเนินการฟ้องร้องกรณีมีข้อพิพาทเรื่องการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ที่ขัดต่อหลักธรรมาภิบาล นายสมชายกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาคลอ ว่า ตนเคยผ่านการจัดงานมิสยูนิเวิร์สปี 2005 มาแล้ว แม้จะเจอกับอุปสรรคเรื่องภัยสึนามิ แต่ในขณะนี้ประเทศไทยเราพร้อม ตนก็เคยคิดจะยกธงขาวเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าทำไมเราต้องมารับบทหนัก แต่ถ้ายอมแพ้ตนก็เจ็บ
เพราะฉะนั้น จึงคิดว่า “ขอตายในสนามรบดีกว่ายกธงขาว” ส่วนประเด็นการฟ้องร้องไม่เคยคิดว่าเป็นปัญหา แต่อยากให้เอาความจริงมาคุยกันเพื่อให้เรื่องนี้จบลงเสียที เพราะขณะนี้ภาครัฐและเอกชนก็ไม่อยากเข้ามาร่วมสนับสนุน ด้วยไม่อยากเข้ามาร่วมวงปัญหาด้วย
“ผมยังไม่รู้เลยว่า ผมกับเขาขัดแย้งอะไรกัน เพราะเขาก็ไม่ได้พูดชื่อผม ผมก็ไม่ได้พูดชื่อเขา และถ้ามีหลักฐานอะไรก็เอามาให้ดูได้ และในตอนนี้ก็ยังไม่มีหมายสารส่งมาถึงผม นอกจากนี้ในกรณีที่บอกว่าเป็นหุ้นส่วนของเขา เขาคนนั้นมีเอกสารบอกไหมว่าผมเป็นพาร์ทเนอร์ของเขา และอยากรู้เหมือนกันว่าคนที่หักหลังเขาเป็นใคร อยากให้มีความชัดเจนในทุกเรื่อง เพราะถ้าหากผมหลอกเขาจริง ผมก็เก่งมากนะที่สามารถหลอกอีก 95 ประเทศให้เข้าร่วมงานได้” นายสมชายกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
**ใช้ “รอยยิ้ม-การไหว้” ต้อนรับนางงาม
ขณะเดียวกัน นายสมชาย ยังก็ได้กล่าวต่อไปถึงความคืบหน้าการดำเนินการจัดการประกวดปีนี้ ว่า ในภาพรวมถึงแม้จะเจออุปสรรคมากมาย แต่งานก็เกิดขึ้นจริงที่ประเทศไทย เพราะเราก็ไม่ยอมแพ้ ถึงแม้จะสูญเสียอะไรไป ได้รับผลกระทบด้านชื่อเสียง แต่ก็ทำเพื่อชาติ บางอย่างได้รับความร่วมมือ บางอย่างก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ในการเตรียมงานระดับประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีระยะเวลาในการเตรียมงานสั้นมาก จึงต้องทำงานอย่างหนัก แต่ในที่สุดก็เกิดขึ้น อยากให้เป็นอีกหนึ่งงานที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย โดยสิ่งที่เตรียมไว้ต้อนรับนางงามคือ “รอยยิ้ม และการไหว้” ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งของใดๆ เป็นเสน่ห์ที่จะถูกถ่ายทอดออกไป
**แจงประเด็น “ตารางจัดงานเปลี่ยน”
สำหรับประเด็น “ตารางกิจกรรม” ที่เปลี่ยนไป ซึ่งกำลังได้รับความสนใจ และมีข้อวิพากษ์ในโลกออนไลน์อย่างร้อนระอุ เพราะมีหลายกิจกรรมที่แฟนๆ นางงามต่างรอคอย แต่ถูกตัดออกไป เช่น กิจกรรมเวลคัมปาร์ตี้ และขบวนพาเหรดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ นายสมชายให้สัมภาษณ์ว่า กิจกรรมขบวนพาเหรดถูกเลื่อนออกไป เพราะมีความไม่สะดวกด้านสถานที่ จึงรวบไปเป็นกิจกรรมในวันที่ 5 ทั้งหมด แต่กิจกรรมที่ลดไปก็มีเพียง “ขบวนงานพาเหรด” และกิจกรรมไฮไลต์คืองาน ไทยไนท์ (Thai Night) ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ประทานชุดผ้าไหมไทย เพื่อให้ เดมี ลีห์ เนล ปีเตอร์ส มิสยูนิเวิร์ส 2017 และ นิ้ง – โศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ได้สวมใส่ ขณะที่นางงามจาก 94 ประเทศจะได้สวมใส่ชุดผ้าไหมไทยจากฝีมือ 19 ดีไซน์เนอร์ไทย
