เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ต.ท. ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สซึ่งมีตัวแทนจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมกว่า 95 คน และจังหวัดกระบี่ได้รับการพิจารณาจากกองประกวดให้เป็นสถานที่เก็บตัวและเข้าร่วมกิจกรรมของมิสยูนิเวิร์สจากประเทศต่างๆ 48 ประเทศ ซึ่งเดิมได้มีการแบ่งพื้นที่เก็บตัวและจัดกิจกรรมของผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส 4 ภูมิภาคโดยจังหวัดกระบี่จะมีมิสยูนิเวิร์ส จำนวน 25 คนมาเก็บตัวและทำกิจกรรม แต่เนื่องจากจังหวัดทางภาคเหนือมีอุปสรรคบางประการทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมนี้ได้ โดยมิสยูนิเวิร์สซึ่งเป็นโควต้าของภาคเหนือจึงได้รวมสมทบกับมิสยูนิเวิร์สตามโควต้าเดิมของกระบี่ ทำให้มียอดผู้เข้าร่วมเก็บตัวและทำกิจกรรมรวม 48 ประเทศซึ่งจะมีมิสยูนิเวิร์สในปีปัจจุบัน เดมี-ลีห์ เนล-ปีเตอร์ส จากแอฟริกาใต้ เดินทางมาที่กระบี่ด้วยเช่นกัน
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ เมื่อผู้เข้าประกวดเดินทางมาถึงท่าอากาศยานจังหวัดกระบี่ในเวลา 08.00 น. ในเวลา 08.50 น.จะเดินทางไปทำกิจกรรมที่เกาะห้องและบันทึกวิดีโอ ส่วนภาคค่ำจะมีดินเนอร์ที่โรงแรม Amari Krabi Hotel ส่วนวันที่ 7 ธ.ค.จะมีกิจกรรม CSR ปล่อยปูปลาที่เขาขนาบน้ำและเพนต์ผ้าปาเต๊ะที่ร้านดาหลาบาติกก่อนจะเดินทางกลับ
ทั้งนี้ การประกวดครั้งนี้มีความพิเศษหลายประการที่ถูกจับตามอง เช่น อังเคลา ปอนเซ สาวงามวัย 25 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้ประกวดสาวประเภทสองคนแรกที่สามารถคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สสเปน นางงามข้ามเพศเข้าร่วมประกวดด้วยการประกวดครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดเท่าที่จัดประกวดมา โดยในรอบตัดสินวันที่ 17 ธันวาคม 2561 จะมีการถ่ายทอดสดและแพร่ภาพออกไป 170 ประเทศ ซึ่งจะมีผู้คนไม่น้อยกว่า 25,000 คนเดินทางเข้ามายังประเทศไทย กระแสค่าใช้จ่ายสะพัด ไม่น้อยกว่า 9 พันล้านบาท และมีมูลค่าด้านการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อที่ไม่อาจประเมินค่าได้
