เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 มีนาคม ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดงานวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2562 พร้อมประกาศเกียรติยศผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจำนวน 6 รางวัล ประกอบด้วย เครือข่ายผู้หญิงรักษ์น้ำอูน เครือข่ายสตรีม้งในประเทศไทย เครือข่ายปกป้องสิทธิผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิผู้หญิง นางสาวสุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้ประสานงานเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ และ นางพะเยาว์ อัคฮาด หรือแม่น้องเกด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 โดยมีเหล่าคณะทูตประเทศต่างๆ เดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย
นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมานักปกป้องสิทธิมนุษยชนต้องเผชิญกับการคุกคามในรูปแบบต่างๆ ทั้งการทำร้าย การฆ่า การบังคับให้สูญหาย และยังต้องเผชิญกับการคุกคามทางกระบวนการยุติธรรม อย่าง การฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อกลั่นแกล้ง ยิ่งกับช่วงหลังที่มีการพัฒนาจากการลงทุนขนาดใหญ่มาก ทำให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมต่างๆมากขึ้น ผู้หญิงจึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อชุมชนมากขึ้น และต้องถูกฟ้องร้องจากรัฐและเอกชน และยังมีปัญหาเรื่องการคุกคามทางเพศและวาจา เพื่อให้หวาดกลัว ซึ่งคณะกรรมการสิทธิฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนประมาณ 15 กรณี และ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด ทั้งนี้ การฟ้องร้องต่างๆ ทำให้ผู้หญิงเกิดความลำบาก ไม่มีเงินในการสู้คดี ทั้งไม่สามารถเข้าถึงกองทุนยุติธรรมได้
ทั้งนี้ องค์กรโพรเทกชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ระบุว่าตั้งแต่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ มีผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนระดับชุมชนถูกฟ้องร้องจากการปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างน้อย 225 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงของการอภิปราย ของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษชน ที่ได้รับรางวัลนั้น ต่างเรียกร้องให้มีรัฐบาลประชาธิปไตย ในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อให้มีเสียงจากประชาชานเข้าไปมีส่วนร่วมในสภา
นางพะเยาว์ อัคฮาด หรือแม่น้องเกด กล่าวด้วยน้ำตาว่า รู้สึกดีใจ ที่ได้รับรางวัลนี้ แม้ประเทศไทย จะอยู่ในความมืดมิด ของการปกครองด้วยรัฐบาลเผด็จการทหารมาตลอด 5 ปี ก็ทำให้เห็นว่ามีสิ่งดีๆ มีคนมองเห็น ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะท้อแต่ก็มีแรงใจ สู้ไล่เผด็จการออกไป ประชาธิปไตยคืนมา ทุกคนคงได้เห็นแล้วว่าเหล่านักสิทธิมนุษยชนถูกกระทำจากรัฐมากเพียงไร ทั้งเรื่องปากท้อง หรือสิ่งแวดล้อม รวมถึงตนที่ต้องต่อสู้หลังจากลูกสาวเสียชีวิต ได้รับความไม่เป็นธรรมมากมาย ตั้งแต่บอกว่าลูกสาวเป็นพยาบาลเถื่อน หรือถูกห้ามไม่ให้ทำกิจกรรม ทำบุญให้กับลูก ล่าสุดยังโดนจับ พ.ร.บ.การชุมนุม ซึ่งเราให้การปฏิเสธ เพราะอยากจะแถลงต่อศาลด้วยตัวเอง แม้คดีของลูกสาวจะได้รับการชี้มูล แต่ก็ยังมีอีก 70 กว่าศพ ที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ผ่านมาถูกแรงกดดันทั้งจากฝ่ายตรงข้าม และคนที่คิดว่าเป็นฝั่งเดียวกัน แต่ก็ต้องสู้ต่อไปเพื่อให้คดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ 20 ปีแล้วคดีหมดอายุความ
“ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่คงได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรมและคงอยากจะแก้ไขแล้ว หวังว่าจะได้รัฐบาลประชาธิปไตย และขอเสนอให้รัฐบาลใหม่ ปฏิรูปกองทัพ ตัดงบประมาณลงครึ่งหนึ่ง และให้ประชาชนตรวจสอบงบประมาณต่างๆได้ด้วย” นางพะเยาว์กล่าว