Never Give Up! ‘ฟ้าใส-ปวีณสุดา’ นางงามสายสตรอง กว่าจะมีวันนี้ ‘ยืนหนึ่ง’ สู่จักรวาล

ปิดฉากอย่างสวยงาม สมใจแฟนนางงามไม่น้อย สำหรับการประกวด “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019” ที่ได้ “ฟ้าใส” ปวีณสุดา ดรูอิ้น สาวลูกครึ่งไทย-แคนาดา วัย 25 ปี คว้ามงกุฎไปครองได้สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์นางรอง กลับมาล้างมือได้สำเร็จ เตรียมส่งออกชิงมงนางงามจักรวาล ให้คนไทยได้ลุ้นอีกครั้ง

ค่ำคืนรอบตัดสิน ณ ธันเดอร์โดม เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ หลังเปลี่ยนผู้จัดมาเป็นทีพีเอ็น นับได้ว่าสร้างความประทับใจไม่น้อย แม้ว่าการประกวดปีนี้อาจไม่ได้มีกระแสเปรี้ยงปร้างในช่วงเก็บตัว เหมือนปีก่อนๆ

แต่ก็ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลายสิ่งพัฒนาให้ดูอินเตอร์มากขึ้น คล้ายคลึงกับเวทีแม่ “มิสยูนิเวิร์ส” ตั้งแต่รูปแบบของเวที “เส้นแสงแห่งจักรวาลที่ไม่สิ้นสุด The Infinite Universe” ที่ดีไซน์ให้มีเหลี่ยมมุมเปรียบเสมือนการเจียระไนเพชรให้สวยงาม ประกอบกับฉากหลายๆ ชั้น ให้ดูลึกมีมิติ เล่นกับกราฟิกที่พื้น ซึ่งมีนวัตกรรมพิเศษให้ดูมีความลึก ดั่งจักรวาล ที่เหล่าแฟนคลับสามารถรับชมได้ทุกองศาของเวที ใกล้ชิดสาวงาม

ขณะที่รูปแบบของโชว์ ก็ดูอินเตอร์มากขึ้นเหมือนจำลองเวทีมิสยูนิเวิร์ส ที่มีพิธีกรด้านข้างเวทีคอยเปลี่ยนบรรยากาศ รวมไปถึงเพลงและโชว์บนเวที ที่มีความเป็นสากล ที่สำคัญคือ คำถามในรอบสัมภาษณ์ของเหล่าสาวงาม เรียกว่าทันเหตุการณ์โลก ต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบ และเข้มข้น วัดกึ๋นได้อย่างจริงจัง

Advertisement

ทั้งยังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการดึง แคทรีโอนา เกรย์ มิสยูนิเวิร์ส 2018 ที่คว้ามงในประเทศไทย มานั่งเป็นกรรมการ และมอบมงกุฎให้กับตัวแทนไทยคนใหม่ ออดอ้อนแฟนชาวไทยว่า

“เฝ้านับวันรอจะได้กลับมาประเทศไทย ในที่ที่ได้รับมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส คนไทยน่ารัก และขอต้อนรับมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เข้าสู่ครอบครัวจักรวาล และอยากให้เตรียมตัวเป็นตัวแทนประเทศไทยให้ดีที่สุด” 

เรียกเสียงเชียร์จากแฟนคลับเกรียวกราว

Advertisement

และวินาทีสำคัญก็มาถึง เมื่อพิธีกรประกาศชื่อ หมายเลข 19 ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น ตัวเต็งดาวเด่นของการประกวด ที่แฟนนางงามลุ้น ด้วยโปรไฟล์ รองอันดับ 1 นางสาวไทยปี 2556, รองอันดับ 2 มิสไทยแลนด์ไชนีส คอสมอส และรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 ตัวแทนประเทศไปประกวดมิสเอิร์ธ 2017 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ บัณฑิตสาวคณะวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว จากมหาวิทยาลัยคาลการี ประเทศแคนาดา

สมใจแฟนคลับ

ที่วันนี้เธอไม่เป็นเพียงแค่นางรองอีกต่อไป

“ดีใจมาก ตอนนี้ยังรู้สึกเป็นความฝัน ตอนที่ยืนอยู่ 2 คน ตื่นเต้นมาก เป็นวินาทีแห่งความฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้ยินชื่อเรา แล้วก็ฝันเป็นจริง ตอนจับมือกัน 2 คน หูอื้อไปเลย ในใจก็อยากให้เป็นชื่อตัวเอง” 

แน่นอนว่า การมีตำแหน่งติดตัวมาแล้วนั้น อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกกดดัน แต่สำหรับฟ้าใสนั้น เธอเปลี่ยนสิ่งนั้นให้เป็นพลังสู้ต่อไปมากกว่า

“ก่อนจะมาประกวดอีกครั้ง เราก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าจะมาอีกครั้งไหม เมื่อมาประกวดแล้ว ฟ้าใสตัดสินใจว่าอยากจะมีความสุขในทุกๆ วัน ไม่ได้มองว่าแข่งกับใคร แต่มองว่าเราทำเพราะความฝันของตัวเอง เลยไม่มีความกดดันอะไร ฟ้าใสเชื่อว่าการที่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เวลาทำอะไรก็จะมีแรงบันดาลใจ เพราะสำหรับฟ้าใส ต้องเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เท่านั้น”

การมาประกวดครั้งนี้ เธอจึงต้องพยายามทั้งการออกกำลังกายให้มากขึ้น เพราะเป็นคนมีโครงร่างใหญ่ เลือกรับประทานอาหารที่ดี เป็นธรรมชาติ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งเรียนรู้ภาษาไทยเพิ่ม ให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง รวมไปถึงการฝึกเดินให้ไหล่นิ่งมากขึ้น

“ฟ้าใสเชื่อในความมุ่งมั่นของตัวเอง ที่อาจจะเปรียบได้กับ TPN คือ True เป็นคนที่เป็นตัวของตัวเอง Passion ทำทุกอย่างด้วยใจ เต็มที่ ไม่มีคำว่าหน้าที่ และ Never give up ไม่ว่าเจออุปสรรคใดก็ไม่ยอมแพ้ ต้องมองต่อไปข้างหน้า เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ฟ้าใสก็จะพัฒนาตัวเองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้นให้ได้ 

“หากทุกคนได้เห็นพัฒนาการจากปี 2017 มาถึงครั้งนี้ ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก”

ซึ่งนี่ ถือเป็นจุดแข็งที่เธอจะใช้ในการไปประกวดระดับนานาชาติ

เรียกว่า ฟ้าใสเป็น “นางงามนักสู้” ผ่านมาหลายสังเวียน แม้จะไปไม่ถึงดวงดาว แต่ทุกเวทีเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเธอ

“ฟ้าใสผ่านการประกวดมาหลายเวที ความรู้สึกตอนที่ไม่ได้ตำแหน่งก็เสียใจ เพราะก็ทำเต็มที่ แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินทางสายนางงาม เพราะอยากทำความฝันให้เป็นจริง ฉะนั้นสิ่งที่นางงามนักสู้ ควรจะมีคือความมุ่งมั่นและตั้งใจ รู้ตัวเองว่าเราต้องการอะไร และกำลังทำอะไรอยู่ ทุกครั้งที่ผิดพลาดเก็บเป็นประสบการณ์และเรียนรู้จากจุดนั้น” 

ส่วนเคล็ดลับบนเวที ฟ้าใสบอกว่า หากเรารู้จักตัวเองดี ว่าเรามีดีอะไร มีตรงไหนที่ต้องปรับปรุงก็จะเกิดเป็นความมั่นใจ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ว่าประกวดนางงามก็ต้องประชันความสวย แต่หากมีความมั่นใจ และภาคภูมิใจในรูปร่าง และความงามแบบตัวเราเอง เวลาที่อยู่บนเวทีเราก็จะไม่รู้สึกกดดันจากการนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ สาวงามคนอื่น

ส่วนจากนี้ เธอก็จะซุ่มซ้อมอย่างหนัก พัฒนาตัวเองเพื่อไปชิงมงกุฎให้กับคนไทย และอยากจะสานฝันอีกหนึ่งสิ่งให้สำเร็จ

“แพลนจากนี้คือ Miss Universe แน่นอนมง 3 มาแน่” และว่า

จากนี้ต้องมีการเตรียมตัว ฝึกฝนเพิ่มเติม เรียนรู้เกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมือง และมีสิ่งที่ฟ้าใสอยากทำ ก็คือตอนที่เรียนที่แคนาดา มีโอกาสได้เป็นอาสาสมัครโครงการที่จะปรับเปลี่ยนบท และกติกาของกีฬา เพื่อให้เหมาะกับชนิดของคนที่พิการ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากนำมาที่ไทย ซึ่งเด็กพิการที่ได้ร่วมกิจกรรม ความมั่นใจเขาก็จะเพิ่มขึ้น กล้าตัดสินใจ สามารถสร้างรอยยิ้มได้


ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “สัญญาว่าจากวันนี้ จนถึงวันที่บินไปประกวด จะต้องเห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปทิศทางที่ดีขึ้น สัญญา” 

ปิดตำนานนางรอง เปิดตำนานบทใหม่ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ยืนหนึ่ง พิชิตมงสาม ต่อจาก อาภัสรา หงสกุล นางงามจักรวาล ปี 2508 และ ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาล ปี 2531


ติดตามข่าวบันเทิงไลฟ์สไตล์ กับ Line@มติชนนิวเจน

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image