ไม่ทิ้งกัน-ช่วยเหลือกัน เซเลบสาว ‘บูบี’ สิ่งสำคัญในวันที่โควิดระบาด

ไม่ทิ้งกัน-ช่วยเหลือกัน เซเลบสาว ‘บูบี’ สิ่งสำคัญในวันที่โควิดระบาด

ด้วยวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปในวงกว้าง ทั้งในเรื่องสุขภาพ สภาพเศรษฐกิจ และวิถีชีวิต

สาวสวยมากความสามารถ อย่าง บูบี-วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์ ที่ทำงานเก่ง สมกับเป็นลูกสาวคนเล็กของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า “วริธร บูธีค” (VARITHORN BOUTIQUE) ที่นอกจากจะขายในไทยแล้วยังส่งออกไปคว้าใจสาวจีน ฮ่องกง และมาเลเซีย รวมถึงเริ่มบุกตลาดที่อังกฤษ เป็นอันต้องหยุดชะงัก

“ต้้งแต่โควิดเริ่มระบาดที่จีน ธุรกิจเสื้อผ้าได้รับผลกระทบหนักมาก เพราะปกติส่งออกไปจีนเยอะมาก แต่ลูกค้าที่จีนไม่สามารถรับสินค้าจากเราไปขายได้ รายได้หลักลดลงเยอะมาก” ดีไซเนอร์สาวเล่า

ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องกลับมาทำการบ้านอย่างหนักว่าจะต้องทำอย่างไร ถึงจะรอดวิกฤตนี้ไปได้ ในขณะที่ต้องดูแลช่างตัดเย็บอีกหลายชีวิต

Advertisement

“พอเศรษฐกิจไม่ดี ก็มีช่างตัดเย็บจากที่อื่นเข้ามาปรึกษาว่ามีงานให้ทำไหม เพราะตอนนี้ทุกคนโดน ลีฟ วิตเอาต์ เพย์ กันหมด บีอยากช่วยให้ทุกคนมีงานทำ แต่ตอนนี้เสื้อผ้าก็ขายไม่ได้ จนปิ๊งไอเดียว่าช่วงนี้ หน้ากากอนามัย เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้พี่ๆ ช่างช่วยกับเย็บหน้ากากผ้าน่าจะเวิร์ก เป็นการหารายได้ให้ช่างตัดเย็บด้วย”

“หลายคนไม่มีงานทำ แต่มีภาระที่ต้องแบกรับ เลยบอกพี่ๆ ช่างตัดเย็บไปว่า ทำมาได้เลย เต็มที่ ถ้าเหลือแล้วขายไม่ได้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวบีจะนำไปแจกคนที่ขาดแคลน” ดีไซเนอร์สาวกล่าว

แต่จะทำทั้งที ต้องทำให้ “ดีที่สุด”

Advertisement

 

งานนี้เจ้าตัวจึงลงมือเลือกลายพรินต์ ซื้อลิขสิทธิ์ผลงานชนะเลิศจากญี่ปุ่น แถมยังสเปรย์เคลือบด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ได้ใบรับรองจากหน่วยงานของรัฐบาลเป็น “เจ้าแรกในไทย”

“หน้ากากผ้ามีข้อดีคือช่วยรักษ์โลกในอีกทางหนึ่ง เพราะสามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ไม่เพิ่มขยะ แต่ที่สำคัญควรใส่ให้กระชับกับใบหน้า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคได้ดีขึ้น”

“ทุกคนมีขนาดใบหน้าไม่เท่ากันอยู่แล้ว เวลาใส่หน้ากากถ้าคับไปจะบาดหูและทำให้รู้สึกเจ็บ บีแนะนำว่าให้ซื้อเชือกยางยืดมาไว้เปลี่ยนแล้วปรับให้พอดีกับใบหน้า ส่วนใครที่ใส่แล้วหลวม ควรมัดทบสักหนึ่งรอบก็ได้” วารีนิธิแนะ

อย่างไรก็ตาม กับวิกฤตโควิดที่ผ่านเข้ามาและยังไม่หาย ได้ฝากแง่คิดและเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับ วารีนิธิ ได้อย่างน่าสนใจ

“ตอนที่โควิดแพร่ระบาดแรกๆ จนถึงตอนนี้ บีไม่ได้รู้สึกกังวลหรือหวาดระแวงว่าใครจะเข้ามาใกล้ฉันไหม คนนี้เป็นหรือเปล่า ขนาดนั้น เพราะว่าเราป้องกันได้และเลี่ยงได้ในระดับหนึ่ง แต่หากเป็นแล้วก็ต้องรีบไปรักษาตามอาการ แต่ที่มากกว่านั้นบีมองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมันคือวิกฤตการณ์ เพราะมีคนตาย มีคนป่วยที่ไม่มีค่ารักษา ตรงจุดนี้ต่างหากที่ทำให้บีรู้สึกเครียด ยิ่งเสพข่าวก็ยิ่งรู้สึกเข้าใจและเห็นใจ จึงทำให้เกิดความอยากช่วยเหลือสังคม ไม่ใช่แค่บริจาคเงิน แต่คือการให้ทั้งงาน และการสนับสนุนต่างๆ”

ทั้งนี้ กับอุปสรรคที่เข้ามา บูบีเผยว่า เธอได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถ้าไม่ปรับตัวนอกจากจะไม่ช่วยอะไร ทุกอย่างก็จะยิ่งแย่ลงด้วย ขณะเดียวกันก็ทำให้หลายคนได้เริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น เวิร์ก ฟรอม โฮม ธุรกิจร้านอาหารที่ไม่เคยต้องทำข้าวกล่องก็ต้องเริ่มทำแล้ว

“อยากให้ทุกคนช่วยเหลือกัน โดยเริ่มจากช่วยเหลือคนรอบข้างเราก่อนก็ได้เป็นอันดับแรก เช่น ช่วยซื้อของ ช่วยซื้อกับข้าว แล้วเราก็จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้แน่นอน” วารีนิธิกล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image