มากกว่าคนขับแท็กซี่ ที่ขับแท็กซี่ เปิดนวัตกรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องกับอาชีพและบริการรถแท็กซี่ ที่ล่าสุด คนขับแท็กซี่สามารถพาไปหาหมอ รับยา และพากลับบ้าน เป็นบริการที่กำหนดราคามาตรฐาน ไว้ใจได้! ขับขี่ไปกับรถแท็กซี่ระบบไฟฟ้า ตอบโจทย์สังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับบริษัท Betta EV บริษัท เอ็มจี เซลส์ และบริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ส ภายใต้โครงการแท็กซี่ไฟฟ้า Beta EV Lady Taxi เพื่อสร้างอาชีพใหม่ให้กับผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบโรคโควิด-19 ณ กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ
นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. กล่าวว่า สืบเนื่องจากการระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน เราจึงมาร่วมกันหานวัตกรรมทางสังคม ที่จะทำให้เกิดการจ้างงานและเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน จึงเกิดโครงการดังกล่าว ที่ขอเชิญชวนกลุ่มเป้าหมาย พม. เช่น พ่อหรือแม่เลี้ยงเดียว ผู้หญิง ผู้มีรายได้น้อย ผู้ว่างงาน ฯลฯ มาสมัครเพื่อทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ในโครงการ เริ่มต้นเปิดรับที่ 200 อัตรา และใช้บริการแท็กซี่ดังกล่าว
โครงการตั้งเป้าปั้นคนขับแท็กซี่ ตั้งแต่แท็กซี่พาเที่ยว แท็กซี่พาไปหาหมอ แท็กซี่รับส่งเด็กนักเรียน แท็กซี่รับส่งคนพิการ แท็กซี่พาไปช้อปปิ้ง ซึ่งทั้งหมดจะได้รับการอบรมทักษะเฉพาะด้านก่อน
นายศรัณญ์พงศ์ แดงเดช ผู้ก่อตั้งโครงการแท็กซี่ไฟฟ้า Betta EV เผยว่า นอกจากตอบโจทย์การพัฒนาสังคม ให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น โครงการยังตอบโจทย์รักษาสิ่งแวดล้อม เพราะใช้รถแท็กซี่พลังงานไฟฟ้า 100% สามารถลดมลพิษและลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้มาก ยกตัวอย่าง 1 วันแท็กซี่วิ่งประมาณ 200-300 กิโลเมตรเท่ากัน รถแท็กซี่ใช้ก๊าซธรรมชาติ จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 500 บาท ส่วนแท็กซี่ใช้พลังงานไฟฟ้า จะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 150 บาทในการชาร์จ 1 ครั้ง
ในแง่ผู้บริโภค ศรัณญ์พงศ์ยืนยันว่า ราคาเริ่มต้นมิเตอร์ที่ 35 บาทเท่ากับแท็กซี่ทั่วไป ถ้าเจอตามถนนหนทาง ขึ้นสถานะว่า “ว่าง” สามารถโบกได้เลย หรือจะเรียกผ่านแอพพ์ทั่วไปก็ได้ คิดค่าบริการเหมือนเรียกแท็กซี่ทั่วไป ส่วนจะใช้บริการพาไปหาหมอ พาไปเที่ยว เบื้องต้นกำลังศึกษาเพื่อกำหนดราคาที่เหมาะสมอยู่
สนใจสมัครขับแท็กซี่ได้ที่ www.bettaev.org หรือที่ facebook.com/bettaevorg
