โควิดปิดม่าน เวทีร้าง พลิก ‘อดีตนางฟ้าอัลคาซ่าร์’ ผันตัวเป็น แม่ค้าทะเลถังแตก!

โควิดปิดม่านเวทีร้าง พลิก ‘อดีตนางฟ้าอัลคาซ่าร์’ ผันตัวเป็น แม่ค้าทะเลถังแตก!

พัทยา เมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสัน และพลังแห่งชีวิต เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายของคนชอบเดินทาง ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบชีวิตตอนกลางคืน เพราะยิ่งดึกก็ยิ่งครึกครื้นทั้งบรรดาร้านรวงที่เปิดทำการ และรถราที่วิ่งผ่าน ถนนไม่เคยโล่ง ทว่าภาพเหล่านั้นได้กลายเป็นเพียงอดีต เพราะปัจจุบันหลังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พัทยาก็เงียบเหงาลงถนัดตา

“อัลคาซ่าร์ คาบาเร่ต์ โชว์ พัทยา” หนึ่งในไฮไลต์ของเมืองพัทยา ก็ต้องปิดม่านลง ปล่อยให้เวทีร้าง เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดอย่างหนักหน่วง

เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวจ่ายตั๋วเข้าชม เหล่า “นางฟ้าอัลคาซ่าร์” ก็ต้องดิ้นรน ปรับตัวให้อยู่รอดในวันที่ไม่มีเวทีให้แสดง

Advertisement

ดังเช่น วรัชญา ปั้นประณต หรือ น็อตโตะ ที่เล่าว่า เธอเป็นนางโชว์อยู่ที่อัลคาซ่าร์มาแล้วกว่า 5 ปี เป็นคนพัทยาแต่กำเนิด ตั้งแต่มีโควิดมา ก็ทำให้ชีวิตลำบากมาก เรียกว่า “ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต” ก็ได้ ทั้งยังไม่คิดว่าพัทยาที่เธอเห็นตั้งแต่เด็กจะเปลี่ยนไปมาก ไม่คิดว่าจะมีวันที่ร้านต่างๆ พากันปิดหมด คนตกทุกข์ได้ยาก ยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบเพราะคนไม่กล้าออกจากบ้าน

“อัลคาซ่าร์ฯ ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะลูกค้าส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยว” น็อตโตะกล่าวและเสริมว่า ปกติรายได้ของเธอจะมาจากเงินเดือน แต่ที่ทำให้อยู่ได้จริงๆ คือรายได้จากการถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวและทิป ซึ่งจะได้ประมาณวันละ 1-2 พันบาท ทำให้รายได้ต่อเดือนของเธออยู่ที่ราวๆ 6 หมื่น

แต่เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวรายได้ส่วนนี้ได้หายไป ส่งผลให้เพื่อนๆ นางโชว์หลายคนก็เลือกที่จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แต่หลายคนก็กลับไม่ได้เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าขนของกลับบ้านซึ่งก็เป็นหมื่น บางคนซื้อบ้านที่นี่ไว้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีเงินผ่อนบ้าน บางคนก็หางานรับจ้างไปเป็นเด็กเสิร์ฟ หรือลูกจ้างร้านอาหาร เรียกว่าต้องแยกย้ายกันไปหาทางรอด

Advertisement

สำหรับเธอเมื่อไม่มีรายได้ เงินเก็บที่มีก็ถูกนำมาใช้เรื่อย ๆ จึงตัดสินใจนำเงินเก็บไปลงทุน พลิกบทบาทจากนางโชว์ เป็น “แม่ค้า” ครั้งแรก

“เปิดร้านข้าวมันไก่ก่อน ตอนที่โควิดระบาดใหม่ๆ เมื่อปี 2563 ขายดีรายได้ดี แต่พอรัฐบาลประกาศมาตรการให้ล็อกดาวน์ ห้ามนั่งกินที่ร้าน ลูกค้าก็หายหมด จนต้องปิดร้าน และตัดสินใจขายหม้อ ตู้ และเฟอร์นิเจอร์ในร้านทั้งหมดเพื่อเก็บเงินมาเป็นทุน” อดีตนางฟ้าอัลคาซ่าร์กล่าว

ซึ่งหลังจากนั้นเธอจึงนำเงินก้อนดังกล่าว ไปลงทุนเปิดร้าน “น็อตโตะทะเลถังแตก” เพราะทางบ้านมีสูตรอยู่แล้ว ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี

แต่! ก็ได้รับผลกระทบไม่คาดฝันจากโควิด-19 ระลอกที่สอง ซึ่งเริ่มต้นจาก “ตลาดกุ้ง” สมุทรสงคราม ทำให้คนไม่กล้ากินกุ้งและอาหารทะเล ซึ่งร้านทะเลถังแตกของเธอก็หนีไม่พ้น จากได้รายได้วันละ 4-5 พัน ก็ขายได้เพียงวันละ 500 บาท จนต้องปิดร้านไป 1 อาทิตย์เต็มๆ กระนั้นต่อมาเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ลูกค้าเจ้าประจำและลูกค้าใหม่ๆ ที่ติดใจในรสชาติก็เวียนกลับมาซื้อซ้ำ

จนตอนนี้เธอสามารถสร้างรายได้เลี้ยงชีพได้สำเร็จแล้ว

แต่แน่นอนว่าการ “ลงมือทำ” ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือเป็น “ครั้งแรก” ก็ไม่ง่ายนัก

“พอต้องเปลี่ยนอาชีพ ยอมรับเลยว่ายากในช่วงแรก แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีความกล้าลงทุนก่อน น็อตคิดอยู่นานว่าถ้าไม่ทำไรเลยก็ย่ำอยู่กับที่ เงินเก็บที่มีก็หมดไปเรื่อยๆ ฉะนั้นเอาเงินมาลงทุนดีกว่า ไม่ลองก็ไม่รู้” เธอกล่าวและเล่าถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปว่า “เปลี่ยนเยอะมาก เมื่อก่อนเราเป็นนางโชว์อยู่บนเวทีสวยๆ แรกๆ ก็คิดท้อใจว่าทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ขายของก็เป็นอาชีพที่เราไม่เคยทำ ตอนนี้แทบจะไม่ได้แต่งหน้าเลยต้องเตรียมของแต่เช้า แต่ก็ปรับตัวได้แล้ว เลยบอกตัวเองว่า ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินกิน ไม่เลือกงานไม่ยากจน ต้องอยู่ให้ได้”

สำหรับร้านน็อตโตะทะเลถังแตก ของอดีตนางฟ้าอัลคาซ่าร์ ตั้งอยู่ในตลาดเดอะมาร์เก็ตเนินพลับหวาน เปิดตั้งแต่ 17.00 – 23.00 น เมนูขายดีก็คือทะลถังแตก ซึ่งล่าสุดเจ้าของร้านได้เพิ่มเมนูให้ลูกค้าได้เลือกอีกอย่าง สปาเกตตี้ทะเลรวม หรือกุ้งมังกรก็มี

จาก “นางโชว์” สู่ “แม่ค้าทะเลถังแตก” วันนี้เธอปรับตัวได้และสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้คือสิ่งที่น็อตโตะภูมิใจ หลายคนอาจจะอยากถามเคล็ดลับแต่เธอทิ้งท้ายไว้เพียง ว่า “ต้องปรับตัวให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่มีกิน เพราะไม่รู้ว่าโควิดจะไปจบลงตอนไหน อย่าลืมติดตามดูสถานการณ์อยู่เสมอ”

โควิดนี้ต้องรอด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image