‘เจน ทิพย์วิภา’ สาวไทยขึ้นปกนิตยสารฮ่องกง ดีไซเนอร์ชุดโอร์ กูตูร์ ‘เจ้าหญิง-คนดัง’ เลือก

ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังระดับอินเตอร์ "Prestige Hongkong" (เพรสทีจ ฮ่องกง)

‘เจน ทิพย์วิภา’ สาวไทยขึ้นปกนิตยสารฮ่องกง ดีไซเนอร์ชุดโอร์ กูตูร์ ‘เจ้าหญิง-คนดัง’ เลือก

วงการแฟชั่นไทยเป็นที่จับตามองอีกครั้ง!! เมื่อดีไซเนอร์สาวไฟแรง อายุเพียง 28 ปี “เจน-ทิพย์วิภา กิตติ์อัครานนท์” ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ Haute Couture (โอต์ กูตูร์) สัญชาติไทยชื่อดัง L’Astelle (ลาสเทล) ขึ้นแท่นคนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังระดับอินเตอร์ “Prestige Hongkong” (เพรสทีจ ฮ่องกง) ประกบคู่กับเซเลบริตี้สาวแถวหน้าระดับโลกจากจีนแผ่นดินใหญ่ “เวนดี้ ยู” นักลงทุนด้านแฟชั่นเบอร์ต้นๆ ของจีน และยังเป็นหนึ่งในกรรมการผู้จัดงาน Met Gala (เมท กาลา) ที่นครนิวยอร์ก ซึ่งเหล่าคนดังจากทั่วโลกตบเท้าเข้าร่วมงานนี้ทุกปี

เจน ทิพย์วิภา ได้รับเชิญจากนิตยสารชื่อดังให้นำเสนอความประณีตงดงามของชุดตามแบบฉบับ L’Astelle ถ่ายแฟชั่นเซตแบบจัดเต็ม พร้อมบทสัมภาษณ์

ไม่เพียงขึ้นปกนิตยสาร “เบอร์ใหญ่” ฝีมือการออกแบบชุดแต่งงานและชุดออกงานสุดหรูของสาวเจน ยังไปสู่สายตาชาวโลก โดยได้รับเลือกจาก 3 ราชนิกุลและชนชั้นสูงฝั่งยุโรปสวมใส่

ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหญิงมาเรีย-โอลิมเปียแห่งกรีซและเดนมาร์ก, เลดี้ คิตตี้ สเปนเซอร์ พระนัดดาในเจ้าฟ้าหญิงไดอานาแห่งเวลส์, ดอนนา เบียงก้า แบรนโดลินี แห่งอิตาลี รวมทั้งนิกกี ฮิลตัน รอธไชล์ด เซเลบริตี้ชื่อดังชาวอเมริกัน

Advertisement

และความประณีตงดงามยังไปเข้าตาแฟชั่นไอคอนระดับโลก แอนนา เดลโล รุสโซ หยิบชุดของลาสเทลมาสวมใส่ เรียกว่า…ปังไม่ไหวจริงๆ

แอนนา เดลโล รุสโซ
เจ้าหญิงมาเรีย-โอลิมเปีย
ดอนนา เบียงก้า แบรนโดลินี
นิกกี ฮิลตัน
เลดี้ คิตตี้ สเปนเซอร์

สำหรับดีไซเนอร์สาวสวย “เจน ทิพย์วิภา” เรียนจบวิทยาลัยแฟชั่น มหาวิทยาลัยศิลปะลอนดอน (London College of Fashion, University of Arts London) จากนั้นมีโอกาสฝึกงานกับห้องเสื้อกูตูร์แบรนด์ดังของอังกฤษ ซึ่งที่นี่นอกจาก “สนุกมาก” แล้ว ยังได้ประสบการณ์ต่างๆ มากมาย

สำหรับชุดราตรี ชุดเจ้าสาว โอต์ กูตูร์ ของแบรนด์ลาสเทล ทุกชุดจะผลิตแบบ Made To Order จุดเด่นอยู่ที่งานปัก รวมถึงผ้าที่มีทั้งผ้าลูกไม้ฝรั่งเศส และผ้านำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี โดยทุกชุดจะนำผ้ามาตัดที่ไทย แต่ส่งปักที่ฝรั่งเศส 100 เปอร์เซ็นต์

Advertisement

“โอร์ กูตูร์ เป็นของฝรั่งเศส มาตรฐานต่างๆ จึงมาจากฝรั่งเศส มีข้อกำหนดหลายๆ อย่างที่ต้องทำให้ครบ โดยเรื่องหลักๆ จะเป็นเรื่องโครงสร้างของชุด การปัก การเย็บ และชั่วโมงการทำงานที่ฝรั่งเศส” ทิพย์วิภาอธิบายความหมายของแฟชั่นโอร์ กูตูร์

“ดังนั้น โอร์ กูตูร์ จึงไม่ใช่แค่การนำชุดมาปักก็เป็นกูตูร์ได้ แต่คือการที่เราต้องเข้าสมาคมโอร์กูตูร์ ของฝรั่งเศส ซึ่งกูตูร์จะมีมาตรฐานที่ชัดเจน เช่น ต้องมีห้องผลิตชุดหรืออาเตอลีเย่ที่ฝรั่งเศส ต้องปักที่ฝรั่งเศส คนทำเป็นคนฝรั่งเศส รวมถึงชั่วโมง

ในการทำที่ฝรั่งเศส เช่น ชุดใช้เวลาทั้งหมด 80 ชั่วโมง 100 ชั่วโมง ด้วยขั้นตอน ด้วยวัสดุที่ใช้ต้องมีกระบวนการ มีความพิเศษ ไม่ใช่ผลิตแบบไทย หรือเวียดนาม หรือที่ไหนก็ได้แล้วเรียกว่า กูตูร์ ซึ่งไม่ใช่”

“อารมณ์เหมือนเข้าโอท็อปไทย โดยต้องเป็นแบรนด์ที่สมาคมโอร์ กูตูร์ ฝรั่งเศส ยอมรับจริงๆ ถึงจะเรียกแบรนด์ๆ นั้นว่า โอร์ กูตูร์ ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ”

เจน-ทิพย์วิภา กิตติ์อัครานนท์ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ Haute Couture (โอต์ กูตูร์)
โอต์ กูตูร์
โอต์ กูตูร์

ซึ่งการได้รับการยอมรับเข้าสมาคมโอร์ กูตูร์ เป็นหนึ่งใน “โกลด์” ของผู้หญิงคนนี้ที่จะเดินไปให้ถึง

“ก็พยายามทำทุกอย่างให้อยู่ในมาตรฐานของกูตูร์มากที่สุด เพื่อในอนาคตแอพพลายเข้าเป็นกูตูร์ได้” ทิพย์วิภาเผยถึงความตั้งใจ

แม้จะยังไม่ถึงโกลด์ที่ตั้งใจ หากก็ได้การตอบรับอย่างดีทั้งในไทยและเทศ ทั้งที่เพิ่งทำแบรนด์ได้เพียง 2-3 ปีเท่านั้น

“ณ ตอนนี้ เรามีเจ้าหญิงเมืองนอกทั้งอังกฤษ กรีซ และอิตาลี รวมทั้งมีดาราใส่บ้าง ก็รู้สึกดีใจ เพราะโกลด์ของเราก็อยากเป็นแบรนด์กูตูร์ที่เจ้าหญิง ควีนต่างๆ ทั่วโลกเลือกใช้” สาวสวยนัยตาคมกล่าว

ซึ่งแม้จะมีโควิดมาเป็นอุปสรรค แต่ก็ไม่สามารถหยุดเธอได้ ล่าสุดมีลูกค้าจากประเทศอังกฤษติดต่อเข้ามาให้ทำชุดแต่งงานให้

“จริงๆ การตัดชุดกับเรา ต้องมีการมาฟิตติ้ง เจอกันอย่างน้อยครั้ง-2 ครั้ง แต่พอโควิดทุกอย่างต้องออนไลน์หมด เราฟิตติ้งทุกอย่างผ่านเฟซไทม์ แล้วก็ส่งชุดไป-มาระหว่างอังกฤษกับไทย ไม่ง่าย แต่เราก็ทำจนจบกระบวนการ ส่งให้ลูกค้าใส่ชุดแต่งงานได้”

เรียกว่า เป็น “นิว นอร์มอลใหม่” ในการตัดชุดแต่งงาน ที่สาวเจนมองบวกว่า

“เป็นประสบการณ์ที่ดี เพราะหลังจากมีประสบการณ์จากลูกค้ารายนี้ หลังจากนั้นก็มีลูกค้าติดต่อมาอีก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอินสตาแกรมและการแนะนำแบบปากต่อปาก ซึ่งเราก็สามารถทำผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว และก็ทำได้เป๊ะมากขึ้นด้วย”

ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังระดับอินเตอร์ “Prestige Hongkong” (เพรสทีจ ฮ่องกง)

เจน-ทิพย์วิภา กิตติ์อัครานนท์ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ Haute Couture (โอต์ กูตูร์)

ส่วนการได้ร่วมงานถ่ายนิตยสารเบอร์ใหญ่ฮ่องกงกับ “เวนดี้ ยู” ก็นับเป็นความภาคภูมิใจ เพราะส่วนใหญ่เพรสทีจ ฮ่องกง จะลงแค่คนฮ่องกง หรือดีไซเนอร์ระดับโลกเท่านั้น

“เจนไม่คิดว่าจะได้ลง เพราะเป็นคนไทยคนแรก ลองเสิร์ชๆ ดูก่อนหน้านี้ มีคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์, นาโอมิ แคมเบล ที่เป็นรุ่นใหญ่มากๆ”

นับเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์หน้าใหม่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งกุญแจความสำเร็จของเธอมาจากการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

“ทำอะไรจะทำให้ได้ดี ต้องเริ่มจากสิ่งที่เรารักก่อน” เธอว่า

นอกจาก “ทำในสิ่งที่รัก” สาวเจนบอกว่า “ต้องชัดเจน” กับตัวเองด้วย

“ก่อนมาทำแบรนด์นี้ จะมีคนรอบข้างบอกว่า ทำแบบนี้สิจะได้ขายได้ เซฟคอร์สสิ ใช้ผ้าแบบนี้สิ หรือนู่นนี่นั่น แต่เจนเริ่มมาได้ เพราะเจนเป็นคนที่ค่อนข้างชัดเจนมาก ชอบแบบนี้ ชอบความกูตูร์ อยากปักแบบนี้ ไม่อยากเซฟคอร์ส แต่ชุดออกมาแล้วดูไม่โอเค คือ เราเน้นคุณภาพเป็นหลัก ทำให้ทำมาได้เรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้”

“เหมือนมุ่งมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ” เธอย้ำ

เจน-ทิพย์วิภา กิตติ์อัครานนท์ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ Haute Couture (โอต์ กูตูร์)

สำหรับในอนาคต สาวเจนวางแผนว่าแตกไลน์ชุดของลาสเทลให้เป็นเรดี้ทูแวร์ เป็นชุดที่ใส่ได้ในชีวิตประจำวัน และจะไม่หยุดพัฒนาทั้งฝีมือและคุณภาพเพื่อเป้าหมายที่วางไว้อย่างชัดเจน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image