โอปราห์ วินฟรีย์ เปิดใจครั้งแรก “เบื้องหลัง” ที่บทสัมภาษณ์ เจ้าชายแฮร์รี-เมแกน ปังระเบิด!!!
โอปราห์ วินฟรีย์ เจ้าแม่ทอล์กโชว์ซึ่งนั่งสัมภาษณ์ เจ้าชายแฮร์ร์รี แห่งอังกฤษ และ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ หรือเมแกน มาร์เคิล พระชายา ในรายการ Oprah with Meghan and Harry: A CBS Special ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส เมื่อวันที่ 7 มีนาคม เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่สั่นสะเทือนราชวงศ์อังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องสีผิวของอาร์ชี ที่ดัชเชสเมแกนเล่าว่ามีสมาชิกราชวงศ์ตรัสกับเจ้าชายแฮร์รีว่าจะมีสีผิวคล้ำขนาดไหน ขณะที่ดัชเชสเมแกนกำลังตั้งพระครรภ์อยู่
แล้วยังประเด็นที่ดัชเชสเมแกนเล่าว่า เคยรู้สึกอึดอัดถึงขนาดเคยคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่นั้น ล่าสุด วินฟรีย์ เจ้าแม่ทอล์กโชว์ชาวอเมริกันวัย 67 เปิดใจให้สัมภาษณ์ แนนซี โอ’เดลล์ ในรายการ talkshoplive เมื่อวันศุกร์ที่ 23 เมษายนว่า เธอเองก็ “ประหลาดใจ” ต่อการเปิดเผยของเจ้าชายแฮร์รี พระชายา ที่เล่าถึงการเหยียดสีผิว ที่เกิดขึ้นในครอบครัวราชวงศ์
“ใช่ ฉันเองก็ประหลาดใจ ประหลาดใจมากด้วย ต่อเรื่องนั้นที่กำลังกลายเป็นมีม อย่างที่เห็นกันนั่นแหละ” วินฟรีย์เล่าให้ แนนซี โอ’เดลล์ ฟังถึงอาการตกใจ ประหลาดใจของเธอ ที่ถูกนำไปทำเป็นมีม มุกฮาๆ ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโลกโซเชียล
เจ้าแม่ทอล์กโชว์ยังเปิดใจครั้งแรกถึงรายการสัมภาษณ์ครั้งนั้น ที่กลายเป็นบทสัมภาษณ์ที่ทรงพลังว่าเป็นความจริงที่เธอได้มีการสื่อสาร ทำความเข้าใจกับเจ้าชายแฮร์รี และ ดัชเชสเมแกน ก่อนจะมีการบันทึกเทปการสัมภาษณ์เพื่อจะได้มีความเข้าใจตรงกันว่า “เหตุผลที่ทำไม นี่จึงกลายเป็นบทสัมภาษณ์ที่ทรงพลัง ก็เพราะ เมื่อคุณได้สัมภาษณ์ใครที่พร้อมจะเปิดเผย พร้อมจะเปราะปราง และจริงใจเหมือนที่เขาเป็น เหตุผลที่บทสัมภาษณ์ออกมาอย่างที่เห็นก็เพราะเขาทั้งสองตอบคำถามแบบที่เขาเป็น
ฉันไม่ได้เจอกับแฮร์รีและเมแกนก่อนบันทึกเทปสัมภาษณ์ แต่ฉันส่งข้อความหาพวกเขา บอกพวกเขาว่า ความตั้งใจของพวกเขามีความสำคัญมากสำหรับฉัน จงบอกฉันถึงความตั้งใจของคุณ เพื่อเราจะได้สามารถพากันไปถึงเป้าหมายของคุณ เรามีความตั้งใจร่วมกันนั่นก็คือ ความจริงพวกเขา (เจ้าชายแฮร์รี พระชายา) ตั้งใจอยากออกมาบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา และบอกเล่าในลักษณะที่เปิดโอกาสให้เขาพูดความจริงได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
วินฟรีย์เล่าด้วยว่า เธอเองคิดไม่ถึงว่าบทสัมภาษณ์จะกลายเป็นข่าวฮือฮา และมีผลกระทบอย่างที่เห็น “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าบทสัมภาษณ์จะส่งผลกระทบอย่างที่กลายเป็นข่าวสะเทือนไปทั่วอย่างที่เห็น ฉันมีการเตรียมงานมากมาย และมันสำคัญต่อฉันมากจริงๆ ที่สิ่งที่เราได้ทำกันเพื่อต้องการให้โลกได้เห็น ได้ถูกนำเสนอต่อชาวโลกในเวลาเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดรั่วไหลออกไปก่อน และไม่มีการตีความผิดพลาดก่อนที่บทสัมภาษณ์จริงจะปรากฏ ฉันยังจำได้ว่า เมื่อเราบันทึกรายการสัมภาษณ์เสร็จ ซึ่งฉันคิดว่าใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง 20 นาที ฉันลุกขึ้นยืนแล้วบอกกับทีมงานทุกคนว่า
เราทุกคนต่างได้ยินบทสัมภาษณ์ทั้งหมดที่นี่และรู้ดีว่ามันสำคัญแค่ไหนต่อความไว้วางใจของผู้ให้สัมภาษณ์ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของพวกเขา ดังนั้นฉันจึงหวังว่าพวกคุณทุกคนจะไม่นำเรื่องราวที่ได้ยินที่นี่ออกไปเล่าข้างนอก ซึ่งก็ไม่มีใครทำ และตอนที่เราส่งมอบคลิปสัมภาษณ์ให้กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส เราก็ทำในลักษณะที่ไม่มีใครสามารถนำไปใช้หาผลประโยชน์ใดๆ ได้”
