| ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 14 |
|---|---|
| เผยแพร่ |
กว่าจะครองชีวิตคู่มาถึง ’10 ปี’ เจ้าชายวิลเลียม-เคท ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ
เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ และ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ หรือ เคท มิดเดิลตัน พระชายา เพิ่งฉลองเสกสมรสครบรอบ 10 ปีไปเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ด้วยพระฉายาลักษณ์คู่ที่งดงาม อบอุ่น 2 รูป จากฝีมือถ่ายภาพของ คริส ฟลอยด์ ช่างภาพที่ได้รับความไว้วางใจให้ไปบันทึกพระฉายาลักษณ์เนื่องในวโรกาสสำคัญนี้ ที่พระราชวังเคนซิงตัน ที่ประทับของเจ้าชายวิลเลียม และครอบครัว
คริส ฟลอยด์ โพสต์ไอจีเมื่อวันที่ 28 เมษายนว่า “วันนี้ผมได้ไปเยือนเคมบริดจ์เป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นวันที่ผมได้รับการติดต่อให้ไปถ่ายรูปดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ สำหรับวันครบรอบเสกสมรสปีที่ 10 ของทั้งสอง ช่างน่าตื่นเต้นที่ได้ใช้เวลาอยู่กับทั้งสองพระองค์ที่วังเคนซิงตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดัชเชส ทรงเป็นช่างภาพที่เก่งคนหนึ่ง สุขสันต์วันครบรอบเสกสมรส”
กว่าจะถึงวันนี้ เจ้าชายวิลเลียม และ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงผ่านเรื่องราวทุกข์ สุข มาด้วยกันมากมาย ล่าสุดก็การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยกา (ปู่)ของเจ้าชายวิลเลียม มีพระราชพิธีพระศพเมื่อวันเสาร์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางความโศกเศร้า อาลัยของ สมาชิกราชวงศ์อังกฤษ และผู้คนทั่วโลก
ทั้งสองพระองค์ พบรักกันตั้งแต่ครั้งเป็น พระสหายร่วมมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ ในสกอตแลนด์ และเคยเลิกคบเป็นแฟนกัน ก่อนจะหวนกลับมาคบกันใหม่ และประกาศหมั้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนปี 2553
ในวันแถลงข่าวหมั้นให้สาธารณชนได้รับรู้ เจ้าชายวิลเลียม ประทานสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกพิเศษที่มีต่อพระคู่หมั้นว่า “เมื่อข้าพเจ้าเจอเคทครั้งแรก ข้าพเจ้าก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรที่พิเศษมาก และรู้สึกอยากค้นหา แต่เราทั้งคู่ก็ลงเอยด้วยการกลายเป็นเพื่อนกันอยู่สักพัก และนั่นก็เป็นพื้นฐานที่ดี”
เจ้าชายวิลเลียม ขอเคท มิดเดิลตัน แต่งงานที่ประเทศเคนยา ซึ่งเจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษเคยประทานสัมภาษณ์ ระหว่างเป็นประธานจัดงานประชุมเกี่ยวกับการลงทุนการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับแอฟริกา ที่พระราชวังบักกิ้งแฮม เมื่อเดือนมกราคม ปี 2563 ว่า
“ทวีปแอฟริกาถือเป็นสถานที่ที่พิเศษมากในใจข้าพเจ้า นี่เป็นสถานที่ที่พระบิดาพาน้องชายของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าไปที่นั่น หลังจากพระมารดาสิ้นพระชนม์ และเมื่อข้าพเจ้านึกถึงสถานที่พิเศษที่จะขอแคเธอรีนแต่งงาน ข้าพเจ้าก็คิดว่าไม่มีสถานที่ใดที่จะเหมาะสมไปกว่าประเทศเคนยา ที่ข้าพเจ้าจะคุกเข่าขอเธอแต่งงาน”
อย่างไรก็ตาม กว่าจะเอ่ยปากขอเคทแต่งงาน เจ้าชายวิลเลียม และเคท คบหาดูใจกันเกือบ 7 ปี ซึ่ง เคที นิโคล คอลัมนิสต์ นักข่าวที่เชี่ยวชาญข่าวราชวงศ์ เขียนเล่าในหนังสือ “Kate: The Future Queen” ว่า “ก่อนวิลเลียมจะเอ่ยปากขอเคทแต่งงาน เขาต้องการให้แน่ใจว่าเธอก็ต้องการสิ่งนี้จริงๆ ด้วย”
เคที เขียนเล่าด้วยว่า นอกจากจะขอแต่งงาน เจ้าชายวิลเลียมยังเอ่ยปากชวนเคทให้ลองมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ในบ้านไร่แห่งหนึ่งในนอร์ธ เวลส์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 “เพราะการได้มาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน จะช่วยให้เคทตัดสินใจได้ว่า นี่ใช่สิ่งที่เธอต้องการหรือไม่? ขณะที่วิลเลียมก็เคยเล่าในเวลาต่อมาว่า เขาเองก็คงเปลี่ยนใจ หากว่ามันไม่ใช่”
เคทีเล่าว่า เจ้าชายวิลเลียมทรงตระหนักดีถึงความเจ็บปวดจากการหย่าร้าง ซึ่งมีให้เห็นหลายคู่ในราชวงศ์ รวมทั้งคู่ของ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าหญิงไดอานา พระบิดา พระมารดาของพระองค์ เจ้าชายวิลเลียม จึงไม่ทรงต้องการให้ชีวิตคู่ของพระองค์ต้องจบลงเช่นนั้น
“อย่างไรก็ตาม วิลเลียมและเคทต่างรู้จักข้อเสียของกันและกันดี และช่วยกันทำงานเป็นทีมเวิร์กเพื่อให้ชีวิตคู่ไปรอด จากบาดแผลความเจ็บปวดจากการหย่าร้างของพ่อแม่ จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับวิลเลียม ที่เมื่อไรที่เขาตัดสินใจแต่งงาน ชีวิตคู่ของเขาจะต้องคงอยู่ไปตลอดชีวิต”
