อแมนด้า ออบดัม กับ ‘best version’ ที่พาเธอก้าวข้ามความกลัว (คลิป)

อแมนด้า ออบดัม กับ ‘best version’ ที่พาเธอก้าวข้ามความกลัว (คลิป)

คว้าตำแหน่งท็อป 10 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในจักรวาลเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2020 ที่รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา มาฝากคนไทย

แม้ “อแมนด้า ออบดัม” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 จะไปไม่ถึงมงจักรวาล แต่แฟนๆ กลับเทใจให้เธอเป็นที่ 1 ในดวงใจ ด้วยประทับใจในความพยายาม ความตั้งใจ ความทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ที่อแมนด้าทำทุกอย่างอย่างสุดตัวเกิน 100 เปอร์เซ็นต์

แต่กว่าจะมาเป็น “อแมนด้า” ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด

 

Advertisement

ชมคลิป

สาวสายสายตาทรงพลัง เผยว่า “กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันยาก การประกวดไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางคนอาจจะมองว่า แค่เดินบนเวทีจะยากอะไรนักหนา แต่การเป็นนางงามมันมาพร้อมกับความอดทน มาพร้อมกับการที่เราต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เพราะเราต้องแข่งกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเก่งเหมือนกัน”

“การเป็นนางงามไม่ง่าย มันเยอะมาก มีจุดยิบย่อยที่หลายคนไม่รู้ บางคนอาจจะมองว่า แค่เดินบนเวทีจะยากอะไรนักหนา แต่การเป็นนางงามมาพร้อมกับความอดทน มาพร้อมกับการที่เราต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เพราะเราต้องแข่งกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเก่งเหมือนกัน เราต้องไปเรียนเดิน ต้องเดินให้สวย ต้องเรียนพูดเพราะเดี๋ยวนี้นางงามต้องพูดเก่ง ต้องมีเส้นผมที่สวยมาก แล้วเราก็ต้องแต่งหน้าเป็น ต้องทำผมเป็น ก็คือต้องเป็นทุกอย่างจริงๆ”

“ทั้งหมดนี้ ด้าทำด้วยความอยากเป็นนางงาม อยากเป็นจริงๆ เราก็เลยรู้สึกว่า การที่เราพัฒนามาถึงจุดนี้ มันมาพร้อมกับแพสชัน เราไม่รู้สึกเหนื่อยที่จะทำมัน เพราะนี่คือสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมายของเรา ก็คือการเป็นนางงาม” อแมนด้าพูดด้วยน้ำเสียฉะฉานมั่นใจ

แต่ใครจะรู้ว่า สาวสวยท็อป 10 ระดับจักรวาลคนนี้ เคยเป็นเด็กที่ไม่มั่นใจในตัวเองมาก่อน เคยเป็นโรคคลั่งผอม และกลัวความผิดหวังมากที่สุด

“ด้าเคยเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนกลัวมากเลย กลัวว่า จะลองอะไรใหม่ๆ กลัวว่าเราจะเฟล เพราะตอนเด็กๆ เรารู้สึกว่าการเฟลมันยิ่งใหญ่มาก มันเป็นเหมือนการผิดหวังในชีวิต และเราก็โตมาด้วยความไม่มีความมั่นใจ เคยเป็นโรคคลั่งผอม มันทำให้เราไม่รักตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้”

ซึ่งกว่าจะข้ามจุดนั้นมาได้ อแมนด้าว่า

“ใช้เวลานานมาก กว่าด้าจะเรียนรู้ที่จะรักตัวเองใหม่”

เมื่อรักตัวเองได้ เธอก็บอกกับตัวเองบ่อยๆว่า “เฟลก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย มันไม่ใช่ที่สุดของชีวิต”

“พอย้อนกลับไปมอง โห!! เรื่องเล็กมากเลย กลัวทำไม ทำไมไม่ลองไปเลย และมันทำให้เรารู้สึกเสียดาย เสียดายโอกาสที่วันนั้นเรากลัว เราเลยไม่ได้ทำ แล้วมันกลับมาในอนาคตที่เรารู้สึกว่า “เสียดายจังเลย” เราก็เลยรู้สึกว่า “ต่อจากนี้ไป โอเค ฉันจะทำอะไรก็ได้ ถ้าอยากจะทำ” เพราะการเฟลเป็นแค่บทเรียนที่จะทำให้เราเรียนรู้ว่า จะประสบความสำเร็จต้องไปทางไหน ไม่กลัวผิดหวัง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่เราจะต้องเผชิญอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ในชีวิตจริง ฉะนั้นอยากจะบอกทุกคนว่า ถ้ามีความฝัน มีความคิดจะทำอะไรให้ทำไปเลย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไง สำคัญที่สุดคือเราคิดอะไร แล้วทำให้มันเต็มที่ที่สุด”

การประสบความสำเร็จของ อแมนด้า ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ “จริงๆ แค่การยังมีชีวิตอยู่ เราก็ควรที่จะขอบคุณตัวเองแล้ว ต้องขอบคุณตัวเอง ขอบคุณร่างกายที่เรายังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณสิ่งเล็กๆ”

“ตอนที่เรารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เสียงในหัวเราเป็นเสียงที่ น่ากลัวที่สุด มันเป็นเสียงที่บอกกับตัวเองตลอดเลยว่า “ทำไมทำได้แค่นี้่ ฉันไม่ดีพอ สู้กับคนอื่นได้เหรอ” แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะใจดีกับตัวเอง เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนน้ำเสียงในหัวของตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง บอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไร ก็ยังมีพรุ่งนี้อยู่ ลองใหม่ได้ ไม่ใช่ที่สุดในชีวิต เธอทำได้ เธอทำได้ เธอทำได้ ไม่ต้องกลัว”

เมื่อมี “มายด์เซ็ท” ที่สตรองขนาดนี้ แม้จะมีโมเมนต์ที่เหนื่อยบ้าง แต่ไม่มีสักวันที่ท้อถอย

“ในช่วงที่ประกวดมิสยูนิเวิร์ส ด้าไม่เคยรู้สึกท้อเลย เพราะเราอยากทำจริงๆ แต่ก็มีบางโมเมนต์ที่เหนื่อยกาย แต่ใจไม่เหนื่อยนะ ใจเราสู้มาก พร้อม! แต่ 4 ทุ่มแล้ว จะเป็นลมแล้ว (หัวเราะ) ใจไหว แต่ร่างกายไม่ไหวแล้ว” เล่าด้วยน้ำเสียงสดใส

ในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส แม้จะไม่สมหวัง หากเธอน้อมรับคำตัดสิน

“เสียใจไหมก็มีบ้าง แต่เราทำเต็มที่แล้ว แต่ถ้าให้ด้ากลับไปเปลี่ยนอะไร ด้าไม่สามารถทำได้ เพราะทำดีที่สุดที่ตัวด้าจะทำได้แล้ว เรารู้ตัวเองดี และคนดูก็รู้ด้วย เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิต คือส่วนหนึ่งของการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเวทีนางงาม หรือกีฬาก็ตาม มันก็ต้องมีผู้แพ้ผู้ชนะ”

“แต่การที่เราไม่ได้มงกุฎมันไม่ได้แปลว่าเราแพ้ มันก็คืออีกแค่ย่างก้าวหนึ่งที่อาจจะไปสู่ประตูอื่น หรือความสำเร็จอย่างอื่นก็ได้”

ในทัศนคติอแมนด้า นางงามในยุคปัจจุบันต้องไม่สวยอย่างเดียว แต่ต้องมาพร้อมกับทัศนคติที่ดี เป็นผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ เอ็มพาวเวอร์ผู้หญิงคนอื่นได้ เป็นคนที่เป็น best version themself (เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง)

“ถามว่าด้าเป็นแบบนั้นไหม ด้าตอบไม่ได้ แต่ด้าทำดีที่สุดแล้ว คือ ด้าเป็น best version myself เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าด้าจะสามารถอินสไปร์ให้คนอื่นได้ ก็ดีใจมาก ขอบคุณที่เป็นคนนั้นๆ ให้กับเค้า แต่ถ้าไม่เป็นก็จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะการพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุด การที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์มันมีหลายอย่างมาก คือ เราสามารถเป็นทุกอย่างได้ ที่เราอยากจะเป็น เพียงแต่เราต้องมุ่งมั่นและไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”

เวทีมิสยูนิเวิร์สจึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ทำให้อแมนด้าได้เรียนรู้ว่า “เราก็เก่งเหมือนกัน”

“จากที่เราเป็นเด็กไม่มั่นใจในตัวเองเลย แต่พอมาถึงจุดนี้ เราก็ทำได้ เลยย้อนคิดกลับไป ทำไมวันนั้น แรงกับตัวเองจังเลย เลยทำให้เรียนรู้ว่า ถ้าอยากจะทำอะไรจริงๆ ต้องไม่ต้องหยุดพัฒนาตัวเอง และการไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส มันทำให้เห็นถึงวูแมนเอ็มพาวเวอร์เมนท์จริงๆ การที่มีนางงาม 74 ประเทศ ถึงแม้จะเป็นการแข่งขัน แต่ไม่มีใครเลยที่จะมากดขี่คนอื่น เพื่อที่จะทำให้ตัวเองชนะ ทุกคนมีแต่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งมันเป็นภาพที่เราอยากเห็นบ่อยๆ ในโลกนี้ ในสังคมเรา”

สุดท้าย อแมนด้า ขอส่งต่อพลังดีๆ ถึงผู้หญิงทุกคน

“อยากบอกทุกคนว่า เราก็ทำได้เท่ากับผู้หญิงคนอื่นในโลกนี้ อย่าคิดว่าตัวเองน้อยกว่า ตัวเองด้อยกว่า เราไม่มีค่า หรือว่าเสียงเราไม่ดัง พูดจนกว่าเค้าจะได้ยิน พูดจนกว่าเค้าจะฟังเรา ให้รู้ว่า ไม่ว่าความฝันคุณจะเป็นอะไร คุณทำมันได้ อยากจะเป็นกำลังใจตรงนี้”

“และอยากจะให้ใจดีกับตัวเองให้มากหน่อย อยากให้พูดกับตัวเอง เหมือนเวลาเราพูดกับคนที่เรารัก อย่าลืมที่จะรักตัวเองนะ แล้วเราอยากจะทำอะไรทำได้ เพราะด้าเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ ยังมีได้เพราะฉะนั้น คุณคิดจะทำอะไรทำเลย ลงมือทำเลย” อแมนด้าทิ้งท้าย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image