| ผู้เขียน | ลลิดา พิงคะสัน |
|---|
ลลิตา สิงโตทอง ‘เนย (ซินญอริต้า)’ พลิกบท “นักร้อง” สู่ “ส.จ.ชลบุรี บ้านบึง”
หญิงสาวคนหนึ่งอายุ 19 ปีเดินเท้าเข้าวงการบันเทิงเดบิวต์เป็นนักร้องนำวงดนตรีหญิงล้วน บทเพลงและเสียงของเธอกลายเป็นเสียงเรียกเข้ายอดฮิตของคนในยุค 90’s ที่เชื่อว่าหากได้ฟังท่อนนี้ก็ต้องร้องตามในท่อนต่อไปได้แน่นอน อย่าง “สุดที่รัก ถ้าโทรมาช่วยรับหน่อย…”
เจ้าของเสียงคุ้นหูนั้นก็คือ “เนย ซินญอริต้า” ที่เวลาต่อมาอีก 16 ปี เธอในวัย 37 มีบทเพลงฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มิสคอล (Miss Call) แฟนดีดี หูไม่ตรงกับตา ได้ตัดสินใจเดินเข้าสู่สังเวียนการเมืองท้องถิ่น ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ประจำเขตบ้านบึง เมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อนับคะแนนเสร็จสิ้นผลปรากฎว่าเธอได้รับเลือกให้เป็น “ส.จ.ชลบุรี บ้านบึง” ต่อจากบิดาของเธอ นายบรรจบ สิงโตทอง นักการเมืองท้องถิ่นที่คว่ำหวอดอยู่ในเมืองท่ามาร่วม 16 – 17 ปี โดยครองใจชาวอำเภอบ้านบึง จ.ชลบุรี ชนะการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งส.จ.ชลบุรีมาแล้วกว่า 3 สมัย
เป็นความสำเร็จที่งดงามในการลงแข่ง “สนามแรก” บนเส้นทางการเมือง
ซึ่งหลายต่อหลายเสียงก็สะท้อนว่า “หมัดเด็ด” ที่ฮุกใจชาวบ้านบึงเทคะแนนให้ “ส.จ.เนย” ก็มาจากความอ่อนน้อมถ่อมตัว เข้าถึงง่าย เป็นกันเอง และพร้อมรับฟังปัญหาของชาวบ้าน ที่ตั้งแต่ลงสมัครหาเสียงจนถึงได้ดำรงตำแหน่งก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย
ว่าแล้วก็ไปรู้จักกับ “ส.จ.เนย แห่งบ้านบึง” กันให้มากขึ้น
คนรุ่นใหม่ “เรารักชลบุรี”
เนย ซินญอริต้า หรือ ลลิตา สิงโตทอง เปิดใจกับมติชนว่า แม้ก่อนหน้านี้แม้จะไม่ได้คลุกคลีลงพื้นที่ไปทำงานกับคุณพ่อโดยตรง เพราะต้องทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ด้วยระยะเวลาเกือบ 20 ปี ที่คุณพ่อบรรจบเป็นนักการเมืองท้องถิ่นก็ทำให้เธอซึมซับและเรียนรู้มาโดยตลอด พร้อมทั้งคอยให้กำลังใจคุณพ่อในการทำงานอยู่ห่างๆ เสมอ
กระทั่งก่อนที่จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นในจ.ชลบุรี ขณะนั้น นายวิทยา คุณปลื้ม หรือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีคนปัจจุบัน ได้ทาบทามเนยให้มาเป็นสมาชิกในทีม “เรารักชลบุรี” ซึ่งนอกจากนักการเมืองรุ่นเก๋าแล้ว ยังมีสมาชิกที่เป็นคนรุ่นใหม่ (New Generation) ร่วมด้วย เพราะนายวิทยาต้องการให้สมาชิกมีความหลากหลายทั้งวัย เพศ และมีประสบการณ์ด้านอาชีพที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงคนทุกกลุ่ม จะได้เข้าใจว่าคนในแต่ละเจเนอเรชั่นมีวิถีชีวิต ความต้องการหรือทัศนคติอย่างไร
ประกอบกับที่ นายบรรจบ ผู้เป็นบิดาที่ทำหน้าที่ตรงนี้มาหลายสมัยได้ให้ข้อแนะนำและสนับสนุนให้บุตรสาวลองทำให้เต็มที่ ได้ไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ให้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ เพราะถ้าไม่ลงมือทำก็มิอาจเรียนรู้อะไรได้เลย
“ตั้งแต่ที่ลงสมัครก็จะเจอเสียงบอกว่าประวัติการศึกษาไม่ได้ เพราะเนยเรียนจบทางนิเทศศาสตร์ไม่ใช่รัฐศาสตร์ แล้วจะรู้เรื่องหรือ จะทำได้หรือเปล่า เวลาที่ลงพื้นที่ก็จะมีหลายๆ คน ถามเนยว่า มาเล่นการเมืองชอบหรือเปล่า มาหาเสียงเนี่ยชอบไหม ตอนนั้นก็ยังตอบไม่ได้ว่าชอบไหม เพราะการเป็นนักการเมืองคือสิ่งใหม่สำหรับเนยที่ต้องทำให้ดี บอกตามตรงว่าก็ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพลังให้เนยมุ่งทำการบ้านมากขึ้น ทำทุกอย่างหนักขึ้น” ส.จ.เนยเล่าอย่างตรงไปตรงมา
แรงเสียดทานนักการเมืองหญิง
เพราะไม่รู้จึงต้องเรียนรู้ให้มาก หากยังไม่รู้จักก็ต้องไปแนะนำตัว ส.จ.เนยที่ในขณะนั้นยังเป็นเพียงผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งหน้าใหม่ ลงพื้นที่ทุกวันตั้งแต่ 08.00 – 16.00 น. กับขบวนมอเตอร์ไซค์ที่มีคุณพ่อคอยให้กำลังใจและชี้แนะ เดินทางเข้าทุกซอกซอยเคาะประตูทุกบ้านในพื้นที่อำเภอบ้านบึง เขตที่ลงสมัครซึ่งมี 3 ตำบล
“เนยลงพื้นที่หนักมาก เพราะทุกคนไม่รู้จักเรา ก็ต้องไปหาเพื่อแนะนำตัว ขณะเดียวกันก็ยังไม่เรียนรู้ที่จะรับฟังปัญหาชาวบ้านจริงๆ ว่าสิ่งที่รอการพัฒนามีอะไรบ้าง ซึ่งได้ข้อมูลจากชาวบ้านจริงๆ ค่อนข้างเยอะมาก” เนยเล่าและสะท้อนถึงอุปสรรคเมื่อเป็น “นักการเมืองหญิง” ว่า การเมืองมีหลายแบบ มีทั้งที่รักเราและไม่รักเรา หลายครั้งเนยเจอกับถ้อยคำ หรือเรื่องราวที่ไม่เป็นจริงเกี่ยวกับตัวเอง เป็นผู้หญิงมาลงเล่นการเมืองก็เจออุปสรรคเยอะ เหมือนเป็นการฝึกอดทน แต่ไม่ได้เก็บมาบั่นทอน เปลี่ยนเป็นตั้งใจทำตรงนี้ให้เต็มที่และพิสูจน์ให้เห็น ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งส.จ.ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้หยุดทำงานเลยสักวัน ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งทุกคนจะเห็นและยอมรับในสิ่งที่เนยตั้งใจทำ
“เวลาทุกวันของเนยแน่นมาก ตั้งแต่เช้ายันเย็น การเป็นนักการเมืองก็คือประชาชนจะโทรมาเราตั้งแต่เช้า บางที 05.30 น.โทรมาก็มี ฉะนั้นเราก็ต้องสแตนบายด์รอรับสายทุกคน และการได้ทำงาน ได้แก้ปัญหาให้กับชาวบ้านสำเร็จ อย่างที่ผ่านมาเนยไม่เคยรู้มาก่อนว่าในพื้นที่บ้านเกิดของเรายังมีพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เขาต้องจั๊มไฟจากอีกบ้านหลังหนึ่งมาเพื่อให้งานที่จำเป็น เวลาหุงข้าวบางทีก็ไฟตก ซึ่งเป็นความเดือดร้อนที่เนยรับรู้ขณะที่ลงพื้นที่หาเสียง พอเราได้ดำรงตำแหน่งก็รีบดำเนินการช่วยเหลือจนตอนนี้ได้ไฟใช้แล้วทั้งซอย ซึ่งทุกคนดีใจมาก ทำให้เราดีใจและหายเหนื่อยไปเลย สิ่งที่เราคิดเราพยายามไม่สูญเปล่า มันเกิดประโยชน์กับผู้คนจริงๆ” เนยเล่าด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและตั้งใจ
ส.จ.เนยแห่งบ้านบึง
นอกจากตำแหน่ง “ส.จ.ชลบุรี” แล้ว เนย ยังดำรงอีกหนึ่งตำแหน่งคือ “เลขานุการ อบจ.ชลบุรี” ซึ่งทั้งสองตำแหน่งมีขอบเขตงานอย่างไร
ในส่วนของ ส.จ.ชลบุรี เนยรับหน้าที่ดูแล 3 ตำบล และ 1 หมู่บ้าน บริหารจัดการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่ต้องมารปรับปรุงพัฒนาต่อให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะแบบไฟฟ้า ประปา ถนนหนทาง ไปจนถึงโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพส่วนตำบล วัด เข้าไปดูแล และจะเดินทางไปร่วมงานต่างๆ โดยเฉพาะงานศพที่หากทราบจะไปร่วมทุกงาน
“ส่วนมากงานศพถ้าเนยทราบเนยจะไปร่วมทุกงาน ไม่ได้ไปโชว์ตัวว่ามานะคะ แต่เนยมองว่าเป็นห้วงเวลาที่ผู้สูญเสียต้องการกำลังใจ เนยจึงตั้งใจไปให้กำลังใจและให้การช่วยเหลือ ขณะเดียวกันชาวบ้านที่มาร่วมงานถ้าเขามีเรื่องเดือดร้อนก็สามารถมาแจ้งเนยได้เลย จะได้ช่วยเหลือกันทันท่วงที” เนยกล่าวและว่าในช่วงโควิด-19 นี้ตนพยายามไปพบปะชาวบ้านทุกวัน โดยเฉพาะผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องรักษาตัวที่บ้าน หรือ โฮมไอโซเรชั่น โดยเดินทางไปพูดคุยให้กำลังใจพร้อมมอบอุปกรณ์ใน “กล่องต้องรอด” ของนายวิทยา คุณปลื้ม ที่บรรจุสิ่งของจำเป็นรวมถึงแนะนำวิธีใช้งาน อาทิ เครื่องวัดระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้ว และยารักษาโรค
“เนยอยากลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เพราะส่วนมากคนที่เป็นโควิดแล้วกลับมารักษาตัวที่บ้านจะต้องได้รับการกักตัวให้ห่างจากเพื่อนบ้านหรือญาติ ซึ่งบางครั้งก็เกิดการสื่อสารที่อาจจะทำให้ไม่เข้าใจตรงกันเกิดขึ้น จึงอยากจะไปให้กำลังใจทุกคน อาจจะช่วยได้ส่วนหนึ่งไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกัน” เนยกล่าวถึงการทำงานในห้วงโควิดระบาด
ขณะที่ตำแหน่ง “เลขานุการ อบจ.ชลบุรี” นั้นมีขอบเขตหน้าที่มีหลายอย่าง ส่วนหนึ่งก็จะทำหน้าที่ในการประชุมสภาฯ เตรียมญัติวาระในการประชุม บันทึกการประชุม อ่านถ้อยแถลงและตรวจวาระการประชุม เป็นต้น
เป็นนักการเมืองแต่ยังไม่วางไมค์
เชื่อว่าหลายคนสงสัยว่าเบนสายมาลงเล่นการเมืองแล้ว จะวางไมค์หรือไม่
ส.จ.เนย ตอบว่า จริงๆ ตอนนี้ก็ยังร้องเพลงอยู่ ยังไม่ได้เลิกร้องเพลง แค่เปลี่ยนเวที เพราะงานนี้ ส.จ.เนย ร้องหมดไม่ว่าจะงานบวช งานแต่ง เพราะเจ้าภาพเชียร์ให้ร้อง
“บางคนไม่รู้จริงๆ ว่าเนยเคยเป็นนักร้องมาก่อน เวลาขึ้นร้องเพลง ก็จะแปลกใจแล้วชื่นชมว่าส.จ.ร้องเพลงได้ด้วย เนยก็บอกเขาว่าเคยเป็นนักร้องมาก่อนค่ะ เพราะหลายๆ ครั้งคนจะจำนักร้องไม่ได้แต่จะจำเพลงที่ร้องได้ ต่อมาเวลาเนยขึ้นร้องเพลงก็จะแนะนำตัวว่า ขออนุญาตร้องเพลงตัวเองนะคะ แขกในงานก็จะงงนิดๆ พอร้องปุ๊บก็จะเอ้าือคนที่ร้องเพลงนี้หรอ ประมาณนี้ค่ะ แถมบางครั้งเนยก็ขอร้องเบิ้ลแถมให้เจ้าภาพด้วยก็มี เพราะได้จับไมค์แล้วไม่อยากลงเวที (ขำ)” ส.จ.เนยเล่าอย่างอารมณ์ดี
เรียกว่าแม้จะพลิกบทบาทมาทำงานการเมือง แต่เนยก็ยังคงใช้เสียงเพลงสร้างความสุขให้กับทุกคนเหมือนเคย และยืนยันว่ายังไงก็ไม่เลิกร้องเพลงแน่นอน
“การร้องเพลงสำหรับเนยคือเหมือนเกิดมาพร้อมกัน จำได้ว่าตอนเด็กไม่ชอบเรียนวิชาอะไรเป็นพิเศษ แต่ชอบเรียนร้องเพลง เนยเรียนทั้งโอเปร่า แจ๊ส เพลงจีน คือเรียนได้เรื่อยๆ กระทั่งเข้าวงการตอนอายุ 19 ปี” เนยกล่าวถึงการร้องเพลงที่เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของชีวิตไปแล้ว ส่วนอนาคตยังไม่ได้แพลนไว้ ด้วยวาระการเป็น ส.จ.ของเนยคือ 4 ปี ตอนนี้เพิ่งเริ่มปีแรก อยากจะโฟกัสกับการทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน
“เชื่อว่าทุกคนมองนักการเมืองในหลากหลายรูปแบบ แต่อยากให้ทุกคนเปิดใจลองดูนักการเมืองคนนี้สักคนหนึ่งที่มาด้วยความไม่รู้ แล้วต้องการเรียนรู้ และพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เพื่อที่จะช่วยกันบ้านเกิดของเราให้ดีที่สุดในทุกๆ ด้านที่ความสามารถของเราจะทำได้ อยากให้ทุกคนให้โอกาสและให้เนยได้ลองทำเต็มความสามารถ ได้ใช้ความรู้ความสามารถของเนยมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยใจจริงๆ” ส.จ.เนยแห่งบ้านบึงกล่าวทิ้งท้าย
