เคาน์เตสโซฟี ตรัสเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ ‘สตรีวัยทอง’ ต้องออกจากงาน
ปัจจุบัน มีหลายเรื่องที่เคยถูกมองเป็น “เรื่องต้องห้าม” ที่คนในสังคมไม่ค่อยพูดถึงกัน ทั้งที่เป็น “เรื่องธรรมชาติ” ในชีวิต ที่ทุกคนต้องพบเจอ อย่างเช่นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนต้อง “มีประจำเดือน” และต้องหมดประจำเดือน ในที่สุด ได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงกันมากขึ้น
ล่าสุด โซฟี เคาน์เตสแห่งเวสเซกซ์ พระชายา เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด หรือ เอิร์ลแห่งเวสเซกซ์ พระโอรสองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ได้ทรงหยิบยกเรื่อง “สตรีวัยทอง” ที่ต้องหลุดจากวงจรการทำงาน มาพูดคุย หารือบนโต๊ะประชุม เพื่อผลักดันให้ นายจ้างช่วยกันสนับสนุน ช่วยเหลือสตรี และพนักงานในที่ทำงานที่ก้าวเข้าสู่ “วัยทอง” และว่า นี่เป็นเรื่องที่ผู้คนในสังคมต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลง
“ผู้หญิงที่ต้องออกจากงาน เพียงเพราะว่าอยู่ในวัยหมดประจำเดือนช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า ผู้หญิงเราต่างยอดเยี่ยมน่าทึ่งในวัย 40 และยิ่งน่าทึ่งได้มากขึ้นแม้ในวัย 50 ,60 และ 70 และเราจำเป็นต้องยินดี ยกย่องและรักษาโอกาสต่างๆให้แก่ผู้หญิง ฉันเชื่อว่าด้วยการร่วมมือ ร่วมใจกัน เราสามารถช่วยเหลือ สนับสนุนผู้หญิงหลายพันคนที่เป็นกระดูกสันหลังของแรงงานเรา เราไม่สามารถปล่อยให้ใครต้องออกจากงานด้วยความรู้สึกว่า พวกเธอกำลังไหลลงเข้าไปอยู่ในเงามืด เราต้องสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้กัน “เคาน์เตสโซฟี พระชันษา 56 ปี ตรัสระหว่างร่วมประชุมว่าด้วยเรื่อง “Menopause Workplace Pledge” โครงการขององค์กรการกุศล Wellbeing of Women ที่เคาน์เตสโซฟี ทรงเป็นองค์ประธานอุปถัมภ์เมื่อต้นปี 2564 เพื่อเรียกร้องให้องค์กรที่ทำงาน เปิดโอกาสให้สตรีวัยทอง ได้ทำงานต่อไป
ในโอกาสนี้ เคาน์เตสโซฟี ซึ่งมีพระธิดา พระโอรส 2 พระองค์ ยังตรัสถึงความรู้สึกส่วนพระองค์ที่มีต่อการมีประจำเดือน และหมดประจำเดือนด้วยว่า
“จริงๆ แล้วเราก็ควรยินดีที่เราไม่ต้องมีประจำเดือนอีกต่อไปแล้ว มันน่าจะเป็นอะไรรู้สึกปลดปล่อย และอิสระ แต่มันกลับทำให้รู้สึกเหมือนเป็นกุญแจมือ กลายเป็นเรื่องที่ถูกมองเป็นลบอย่างเหลือเชื่อ จริงอยู่ที่ว่านี่คือความจริงอย่างหนึ่งที่เราต้องยอมรับว่า เรากำลังแก่ขึ้น เราไม่ใช่สาวๆเหมือนก่อน และมันค่อนข้างถึงเวลาที่ต้องยอมรับความจริงนี้”
“การมีประจำเดือน หมดประจำเดือน มีลูก เหมือนที่พวกคุณก็รู้กันดี เราพูดถึงกันแต่การมีลูก แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องมีประจำเดือน ไม่มีใครพูดถึงเรื่องหมดประจำเดือน ทำไมล่ะ? นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงเรา 12 ครั้งต่อปี เป็นเรื่องธรรมดามาก แต่กลับเป็นเรื่องที่ถูกซุกไว้ ฉันคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องพูดว่า พอได้แล้ว เราจำเป็นต้องนำเรื่องเหล่านี้มาพูดคุยกันบนโต๊ะได้แล้ว”
นิตยสารพีเพิล กล่าวว่า เคาน์เตสโซฟี ทรงเป็นสมาชิกราชวงศ์พระองค์แรก ที่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ ซึ่งยังคงเป็นเรื่องต้องห้ามอยู่
ฟิล แดมปิเออร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องราชวงศ์ มองว่า หลังจากเจ้าชายแฮร์รี และ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ หรือ เมแกน มาร์เคิล พระชายา ลดบทบาทจากการปฎิบัติภารกิจในฐานะสมาชิกราชวงศ์ระดับสูง เคาน์เตสโซฟี คือสมาชิกราชวงศ์ที่เหมาะสมจะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทนเจ้าชายแฮร์รี และ พระชายา
“ผมคิดว่า เคาน์เตสโซฟีน่าจะอยากทำอะไรมากขึ้นและยินดีหากมีการร้องขอให้ทำ เธอมีศักยภาพที่จะเป็นสมาชิกราชวงศ์ที่เป็นดาวเด่น หากได้รับโอกาส และหากมีโอกาสมาถึง ผมก็เชื่อว่า เธอจะคว้ามันไว้ “