อีกมุมธุรกิจ ‘เช่าสินสอด’ ในยุคโควิดที่ต้องเช็กเครดิตดีๆ
ยังคงถูกพูดถึงกันเป็นระยะๆ กับประเด็น ‘สินสอด’ หนึ่งในธรรมเนียมงานมงคลสมรสแบบไทยๆ แม้ระยะหลังจะถูกคนรุ่นใหม่มองว่าไม่มีต้องมีก็ได้ เพราะเสมือนเป็นการตีค่าตีราคาผู้หญิง แต่หากว่ากันด้วยเรื่องหน้าตาคนไทยแล้ว เวลาจัดงานที่อาจเป็นงานแรกและงานเดียวในชีวิต มันก็ต้องจัดใหญ่สักหน่อย
หลายคู่รักจึงเลือกใช้บริการธุรกิจ ‘เช่าสินสอด’ ซึ่งเริ่มให้บริการไม่กี่ปีมานี้ื่อให้ภาพงานแต่งงานออกมาดูแพงที่สุด เป็นความแพงที่รู้กันในกลุ่มคนจัดงาน แขกเหรื่อไม่รู้หรอก
แต่ในช่วงโควิดแบบนี้ ธุรกิจนี้เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าของธุรกิจเช่าสินสอดชื่อดัง ‘ข้างกาย เอรียาสกุล’ เจ้าของธุรกิจ บริษัท โรแมนทีส ให้เช่าสินสอดวันแต่งงาน เจ้าแรกในประเทศไทย มาไขความกระจ่าง
ข้างกาย เล่าว่า การเช่าสินสอดคือ การเช่าเงินหรือทอง หรือทั้งเงินและทองไปสร้างภาพในงานแต่ง ไม่ได้เป็นการกู้ ให้บริการแบบเป็นความลับ
โดยหากเช่าสินสอดกับดิฉัน จะมีการทำสัญญาชัดเจน ภายในระบุเงื่อนไขต่างๆ ตั้งแต่ชื่อคนเช่า เช่าที่ไหน มูลค่าเท่าไหร่ ถ้าไม่คืนจะมีลักษณะอย่างไร ซึ่งมี อาทิ ถูกปรับเงิน 10 เท่าของมูลค่าสินสอดที่เช่าไป ถูกนำภาพเจ้าบ่าว เจ้าสาว ญาติ แขกในงานไปโพสต์รีวิวในสื่อออนไลน์ หากทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไข สัญญานี้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ
เปิดเรตค่าเช่าสินสอดบริษัทโรแมนทีส
เริ่มต้นราคา 6 พันบาท จะได้สินสอดเป็นเงินสด 100,000 บาท,
เช่า 3 หมื่นบาท จะได้สินสอดเป็นเงินสด 600,000-1,000,000 บาท,
เช่า 5 หมื่นบาท จะได้สินสอดเป็นเงินสด 2,000,000 บาท
ส่วนหากอยากได้สินสอดที่เป็นทองคำด้วย เริ่มต้นราคา 1 หมื่นบาท จะได้สินสอดเป็นทองคำน้ำหนัก 10 บาท
ซึ่งให้บริการทั่วประเทศ หากเป็นบริการในต่างจังหวัดเพิ่มค่าเดินทาง 1 หมื่นบาท
ข้างกาย บอกว่า เคยมีลูกค้าเช่าสินสอดเป็นเงินสดมากที่สุดถึง 10,000,000 ล้านบาท ใช้เงินค่าเช่า 300,000 บาท เป็นงานแต่งของคนรวยที่เขามีเงินอยู่ในพอร์ตหุ้น คือมีเงินจริงๆ เพียงแต่ไม่อยากถอนออกมา ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนฐานะปานกลาง อย่างกลุ่มอาชีพพนักงานออฟฟิศ นักธุรกิจทั่วไป ข้าราชการ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถือคติว่าเสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้
“เมื่อตกลงทำสัญญา วันงานเราจะมีพนักงานขนสินสอดไปให้ถึงที่ อยู่ร่วมงานเสมือนแขกคนหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มขบวนขันหมาก จนพิธีครึ่งเช้าเสร็จ แล้วรอรับสินสอดกลับหลังเลิกงาน ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยประสบปัญหาว่าสินสอดหาย”
จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ธุรกิจเช่าสินสอดได้รับผลกระทบหนัก
“ลำพังโควิด-19 ที่ระบาดมาหลายปี รัฐบาลห้ามจัดงาน ก็ทำให้ลูกค้าหายไปแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ถึง 1 ปี ส่วนปีต่อมางานลดลง 80 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้ที่เริ่มมีการผ่อนคลายให้จัดงานได้ งานกำลังเริ่มกลับมา ทำให้ช่วงหลังคนที่มีเงินก็หันมาทำธุรกิจเช่าสินสอดมากขึ้น มีการตัดราคากัน บางรายเป็นมิจฉาชีพเลย คือให้โอนเงินมัดจำ แต่ถึงวันงานหายไปเลย ติดต่อไม่ได้ ฉะนั้นก็อยากให้เช็กเครดิตดีๆ”
ส่วนสินสอดในงานแต่งยังควรมีหรือไม่ ข้างกายบอกว่า คงเป็นเรื่องแต่ละบ้าน โตมาแบบไหนก็แบบนั้น แต่ส่วนตัวคือไม่สำคัญแล้ว และคิดว่าผู้หญิงในปัจจุบันก็น่าจะมองเหมือนกัน เพราะหลายคนก็ส่งเงินให้พ่อแม่อยู่แล้ว เว้นหากพ่อแม่ฝ่ายหญิงต้องการจริงๆ ก็ต้องแล้วแต่เขา อยู่ที่การตกลงกันในบ้าน
