เปิดฉากไทยเจ้าภาพจัด ‘ประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก’ ห่วงโลกกำลังเผชิญกับสิ่งไม่แน่นอน

เปิดฉากไทยเจ้าภาพจัด ‘ประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก’ ห่วงโลกกำลังเผชิญกับสิ่งไม่แน่นอน

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 มิถุนายน ที่ห้องซีเครททาเรียต รูม 1 บางกอก คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ นางไอรีน นาทิวิแดด ประธานจัดการประชุมสุดยอดสตรีโลก 2022 และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานจัดงานการประชุมสุดยอดผู้นำหญิงระดับโลก ฝ่ายไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมงานแถลงข่าวภาพรวมงานประชุมสุดยอดผู้นําสตรีโลก (Global Summit of Women 2022) ครั้งที่ 32 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งแรกระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายน 2565

โดยเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ การจัดการประชุมในหัวข้อต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และนโยบาย ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการประกาศรางวัล 2022 โกลบอล วีเมน’ ลีดเดอร์ชิป อะวอร์ด ให้แก่ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เจ้าของฉายา “หมอยายิปซี” ที่มีบทบาทโดดเด่นด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน และการต่อต้านเชื้อไวรัสทุกชนิด โดยเป็นผู้พัฒนายาด้านไวรัสเอชไอวีราคาถูกที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ติดเชื้อในหลายประเทศโดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา

Advertisement

โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด และมีผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วม อาทิ นางวีโยซา ออสมานี ประธานาธิบดีสาธารณรัฐคอซอวอ นางโว ทิ อันห์ รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตลอดจนรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐบาล ผู้นำภาคธุรกิจที่เป็นสตรีจาก 4 ทวีป เข้าร่วมการประชุม

นางไอรีน นาทิวิแดด กล่าวว่า การประชุมสุดยอดผู้นำสตรีในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุม 650 คนจาก 52 ประเทศทั่วโลก ซึ่งนับเป็นการได้มาพบปะกันครั้งแรกหลังจาก 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ทั่วโลกประสบกับวิกฤตการณ์การระบาดโรคโควิด-19 การจัดงานครั้งนี้ผู้นำสตรีทุกท่านต่างชื่นชมการต้อนรับอย่างอบอุ่นของประเทศไทย สำหรับเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา มีพิธีลั่นระฆังเปิดประชุมที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสัญญาณในการขานรับการประชุมและสื่อถึงความสำคัญของผู้หญิงที่เป็นผู้นำบริษัทในประเทศไทยซึ่งเศรษฐกิจกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

  “สิ่งที่เรามาคุยด้วยกันในการประชุมครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ยากลำบาก เพราะโลกของเรามีความท้าทายที่เกิดขึ้นพร้อมกัน ทั้งโรคระบาด สงครามความขัดแย้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เกิดจากสภาวะโลกร้อน รวมถึงการปล่อยคาร์บอนที่ไม่ถือว่าลดลงในปีนี้ การทำงานของเราต้องเผชิญหน้าสิ่งต่างๆ มากมาย ไม่ว่าภาวะเงินเฟ้อรุนแรง และโภคภัณฑ์ที่ราคาสูงขึ้น และธุรกิจต่างๆ ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน

“แต่มุมมองของดิฉันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องความรู้สึกที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ เพราะความไม่แน่นอนเช่นนี้ ไม่รู้ว่า โลกที่เรียกว่าความจริงใหม่จะเป็นอย่างไร ซึ่งความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้ชีวิตเรายากลำบากมาก เราไม่รู้ว่า ชีวิตของเรากำลังเผชิญกับอะไร นี่คือ สิ่งที่เราเผชิญหน้ากันในปัจจุบัน” นางไอรีนกล่าว

ไอรีน นาทิวิแดด

นางไอรีน กล่าวอีกว่า ผู้หญิงเป็นครึ่งหนึ่งของแรงงานทั้งโลก ทั้งทำงานในระบบและนอกระบบ มี SME ร้อยละ 37 ธุรกิจเล็กๆ เหล่านี้เป็นรากฐานของธุรกิจในโลก ซึ่งผู้นำเหล่านี้ก็เป็นผู้หญิง มีถึงร้อยละ 80 ของระบบธุรกิจ และก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด ผู้หญิงเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นร้อยละ 70 ของจีดีพีโลก  ดิฉันเชื่อว่า ทุกท่านที่ได้ร่วมการประชุมจะได้มีความพร้อมในการเตรียมรับมือสิ่งเหล่านี้ สิ่งสำคัญ เชื่อว่า แรงบันดาลใจคือสิ่งสำคัญที่สุด เหมือนการติดปีกให้พวกเรา

  “การเปลี่ยนแปลงที่เอื้อประโยชน์ต่อสตรีจะเป็นจริงได้เร็วขึ้น เมื่อเราได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นและกลยุทธ์ซึ่งกันและกันโดยไม่มีขอบเขตพรมแดนประเทศมากั้น และการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว” นางไอรีนกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมในวันที่ 23มิถุนายน จะมีการเสวนาระดับรัฐมนตรี โดยมีนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมการอภิปราย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมมือกันจัดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่สตรี

ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานคณะกรรมการจัดงานฝ่ายไทย กล่าวว่า ในฐานะประธานการจัดงานประชุม ถือว่าเป็นตัวแทนของประเทศ ทางเราเตรียมงานมา 2-3 ปีแล้ว ไม่เคยท้อถอย ถือเป็นสปริต การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมที่พูดถึงโอกาสใหม่ๆ ในเรื่องของความเป็นจริงใหม่ๆ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด หวังว่าจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ คาดหวังจะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน เราต้องทำงานด้วยความร่วมมือกัน โดยเชื่อมั่นในกันและกัน

กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร

ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่กำหนดนโยบาย สร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนสามารถนำไปดำเนินธุรกิจต่อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคต เรามีความไม่แน่นอนมากมาย ถึงแม้ว่าเราจะไม่เข้าใจทุกอย่างอย่างถ่องแท้ แต่เราสามารถเตรียมตัวได้ โดยเราเชื่อมั่นในการร่วมมือไม่ว่าปัญหาอะไรจะมา เราสามารถข้ามผ่านมันไปร่วมกันได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image