เน็ต-วงศ์สถิตย์ มง UIU คนแรกของโลก สาวทรานส์ที่ไม่แต่งหญิง และ LGBTQ+ ก็คือ มนุษย์
ปิดท้ายเดือน ‘ไพรด์มันท์’ (Pride Month) หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ด้วยการเปิดใจคุยกับ “เน็ต-วงศ์สถิตย์ ชัยเนตร” เจ้าของมงกุฎ Universe Is U (UIU) จักรวาลนี้คือเธอ คนแรกของโลก เวทีประกวดเพื่อเฟ้นหาความเป็นที่สุดแห่งจักรวาลในตำนาน โดยให้ผู้เข้าประกวดไม่ว่าจะเป็นเพศใดเลือกคัฟเวอร์นางงามต้นแบบที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปประกวดบนเวทีโลกมิสยูนิเวิร์สตั้งแต่ปี 1954-2021
การประกวดครั้งนี้ “เน็ต” คัฟเวอร์เป็น “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” นางสาวไทย 2531 และนางงามจักรวาล หรือ มิสยูนิเวิร์ส ปี 1988 ด้วยความชื่นชอบในตัวปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ ทำให้เน็ตคัฟเวอร์นางงามไอดอลออกมาได้จนชนะใจกรรมการ บวกกับปฏิภาณไหวพริบในการตอบคำถาม “มงกฎจักรวาลนี้คือเธอ” จึงตกเป็นของเธออย่างงดงาม
เน็ต-วงศ์สถิตย์ ชัยเนตร เป็นสาวลำปาง จบการศึกษาคณะศิลปกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นนักออกแบบพัตราภรณ์ หรือออกแบบผ้าราชสำนักไทยโบราณ แบรนด์ “มีนา ผ้าลายอย่าง”
ภายใต้ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์ และมงกุฎที่สื่อถึงความหลากหลายที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
เน็ต เผยว่า เส้นทางของแต่ละคนที่เป็น LGBTQ+ เหมือนถูกสาป
“วิถีชีวิตของ LGBTQ+ ในเมืองไทย บางครั้ง เราอาจจะมองว่า มันไม่มีอะไร แต่จงเชื่อว่า ทุกๆ คนมีบาดแผลทั้งนั้น ความเจ็บปวดตรงนี้ มันเหมือนประสบการณ์ให้เราเรียนรู้ว่า เราจะอยู่ในสังคมอย่างไร หรือเราจะจัดการกับชีวิตของเราอย่างไร”
อย่างตัวเน็ตเองที่เป็น “ทรานส์เจนเดอร์” หรือ “ผู้หญิงข้ามเพศ” ก็ว่า แม้การเป็น LGBTQ+ ของตัวเองจะไม่ได้ราบรื่นมาตั้งแต่แรก แต่โชคดีที่มีครอบครัวเข้าใจ สนับสนุนเรื่องการเรียน กิจกรรมและศิลปะ
“ส่วนตัวไม่ได้โทษสังคม เพราะสังคมไทยยังขาดความเข้าใจในเรื่องของ LGBTQ+ เราแค่อยู่ในสังคมที่เกลื่อนๆ ไป เกลื่อนๆ คืออะไร ก็โอเค รักกัน เฮฮา จบ แต่หารู้ไม่ว่า ในลึกๆ เรื่องของบทบาทการแสดงออก หรือการยอมรับ แท้จริงแล้ว เราได้ให้เขาเหล่านั้นเต็มที่หรือเปล่า สังคมไทยไม่ใช่สังคมโหดร้าย เป็นสังคมอะลุ่มอล่วย แต่บางครั้งในความเปราะบาง หรือความเข้าใจเบื้องลึกจริงๆ มันน้อย”
เมื่อเป็นเช่นนี้ เน็ตจึงว่า “อยากให้สังคมปฏิบัติกับเรา LGBTQ+ ในบรรทัดฐานเดียวกับมนุษย์ คือ ไม่จำเป็นต้องพิเศษ เราไม่ต้องคิดว่า คนนี้คือเก่งจังเลย มีความสามารถ เราไม่ได้พิเศษ เรามีความสามารถปกติ คือ ผู้หญิงผู้ชายก็เก่งได้ อยากให้สังคม มองว่า ทุกคนคือคน ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา มองคนเป็นคนเท่าเทียมกัน”
“ถ้ากฎหมายหรือจริยธรรมใดๆ ก็ตามที่เป็นตัวกำหนดสังคม มันถูกกำหนดไว้แล้วเพื่อหญิงและชายอย่างไร LGBTQ+ ก็ควรได้รับเช่นเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องพิเศษ ไม่ต้องมองว่า เธอต้องพิเศษ เพราะ LGBTQ+ ก็คือ มนุษย์”
เมื่อยังต้องดำรงชีวิตอยู่ในสังคมที่เกลื่อนๆ เน็ตจึงพยายามทำให้ตัวเอง อยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุขที่สุด โดยเรารับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ไม่เป็นจุดบอดของสังคม ถ้าเป็นนักเรียน ก็ต้องเป็นนักเรียนให้ดีที่สุด ถ้าเป็นลูก ก็เป็นลูกให้ดีที่สุด โดยเธอให้ความสำคัญกับการศึกษา การใฝ่เรียน ใฝ่รู้ ไม่ทิ้งทิ้งการเรียน เพราะโลกใบนี้อยู่ได้ด้วยความรู้ความสามารถจริงๆ
“คนทุกๆ เพศสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข โดยอาศัยหลักของมารยาท บรรทัดฐานทางสังคมหรือกฎหมาย”
สาวทรานส์ที่ “ไม่” แต่งหญิง
“เน็ตเป็นทรานส์เจนเดอร์ ก็มีไลฟ์สไตล์ที่แปลกหน่อย ปกติเราไม่ได้แต่งหญิงอะไรมากมาย แต่ก่อนหน้านี้ เราเคยแต่งหญิง เคยเป็นผู้หญิง แต่พอมาวันนี้ไลฟ์สไตล์เราก็เปลี่ยนไป เพราะเมื่อเราโตขึ้น เราเรียนรู้โลกมากขึ้น เราก็ตัดผมแต่งตัวปกติใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ สังคมมองภายนอกอาจมองว่าทอมไหม แต่เราไม่แคร์ เพราะเราถือว่ามันสะดวกกับเราและวัยเรา” เน็ตเผยให้เห็นถึงตัวตนที่เปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่แต่งหญิงแบบจัดเต็ม ไว้ผมยาว แต่งหน้า สวมกระโปรง
“เมื่อก่อนเราแขวนชีวิตไว้กับคนอื่นมากเกินไป แต่พอโตขึ้น เราเรียนรู้ที่จะรักในความเป็นตัวเอง เห็นคุณค่าที่แท้จริงของเราคืออะไร เราไม่บูชาความรัก เรามองคนด้วยความเมตตา เรามองคุณค่าในตัวเอง เราจะไม่บอกว่า เราผิดหรือเราถูก เรามองอะไรแบบธรรมดามากขึ้น เราจะแต่งตัวยังไงก็ได้ ให้มันมีแค่ว่า สะอาด และถูกกาลเทศะ โดยที่เราไม่ทำตัวแปลกและแตกแยก คือ ไม่พิเศษ ไม่ต้องตะโกน ว่าต้องมาดูชั้นสิ ไม่ต้อง เรามีความสุขในไลฟ์สไตล์แบบไหน เราทำแบบนั้น ถ้ามันไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดจริยธรรม”
สืบสานงานผ้าไทยโบราณ
ดังนั้นจึงอยากบอกกับสังคมว่า “เลิกสนใจว่าเราเป็นใคร” แต่ให้สนใจว่า “เราทำอะไรดีกว่า” อย่างเธอตอนนี้เป็น “นักออกแบบพัตราภรณ์” แบรนด์ “มีนา ผ้าลายอย่าง”
“งานที่ทำตอนนี้ คือ เป็นเจ้าของแบรนด์มีนาผ้าลายอย่าง เป็นการออกแบบลายผ้าโบราณ เรียกว่า ผ้าลายอย่าง เป็นผ้าราชสำนักไทยโบราณ ทำติดต่อกันมา 8 ปีแล้ว ก็ทั้งศึกษา วิจัย ค้นคว้าพระหอคัมภีร์และผ้าลายอย่างที่ปรากฎตามที่ต่างๆ วัดวาอารามต่างๆ ได้นำมาจัดพิมพ์จำหน่าย ให้ผู้สนใจ เพื่อให้งานผ้าลายอย่างก็ไม่สูญหายไปตามกาลเวลา และเหมือนถ้าเราทำเอาไว้ แล้วถ้าเราตายไป อีก 100 ปี งานเราก็ยังอยู่ เป็นความตั้งใจที่อยากทำไว้เพื่อให้คนรุ่นต่อไปประทับใจ เหมือนที่เรามาประทับใจ ทุกอย่างจึงทำจากสติ และความคิดทุกอย่างที่ ทำกึ่งๆ อนุรักษ์ไว้ด้วย”
รักและศรัทธาในตัวเอง
ทั้งหมดทั้งมวลสะท้อนให้เห็นว่า เน็ตเห็นคุณค่าในตัวเอง เรียนรู้ที่จะรักและศรัทธาในตัวเอง ให้เกียรติตัวเอง และให้เกียรติผู้ที่อยู่รอบข้าง
“ชีวิตเราเกิดมาคนเดียวในโลกจริงๆ เรามีเน็ตแค่คนเดียว ต่อให้เรามีฝาแฝดก็มีแค่คนเดียว ถ้าเราตระหนักรู้ว่า ในโลก 7,000 ล้านคน มีเราแค่คนเดียว คิดดูสิว่า เราจะมีค่าไหม เราต้องยุติการแขวนตัวเองกับคำพูดของคน กับสังคม หรือความคาดหวัง แล้วเรียนรู้ตัวเราเองจากตัวเราเอง ว่าเรารักอะไร เราชอบอะไร เรามองตัวเองนี่แหละ เมื่อเราเข้มแข็ง เราถึงจะสามารถเอาความเข้มแข็งของเราแบ่งปันให้คนอื่นได้”
“และอยากบอกว่า คนทุกคนมีจังหวะชีวิต ขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่า UIU คนนี้ ก็ต่อสู้มามากไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน ขอให้อดทนและอย่าท้อถอย ไม่ว่าฝนจะตกขนาดไหน แดดก็ต้องออก คิดอย่างนี้ มันไม่มีฝนตกตลอดไป มันต้องมีวันหนึ่งที่แดดออกมาเห็นฟ้าสดใส เห็นรุ้งงาม”
“เราต่างหากที่ต้องอดทน คือ เราอย่าเสียใจกับสิ่งรอบข้าง จนลืมที่จะรักตัวเอง” เจ้าของมงกุฎมง UIU คนแรกของโลกทิ้งท้าย
